“ความตาย” หรือ “การมีชีวิตอย่างอัปยศ” สองทางเลือกสำหรับอิมามฮุเซน (อ.)

310

ดังนั้นในกัรบาลามีวาทกรรมที่สำคัญเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับเนื้อหาอันนี้ ที่เราจะต้องเก็บไว้ในจิตวิญญาณ ความยิ่งใหญ่ในกัรบาลานั้น มีสองวาทกรรมที่ยิ่งใหญ่ ที่ข้าพเจ้าจะนำมาอธิบายในค่ำคืนนี้อีกครั้งหนึ่ง ณ วันนี้ ไม่ว่าที่ไหนในแผ่นดินชีอะฮ์ หากเกิดมีการเปลี่ยนแปลง เกิดมีการลุกขึ้นต่อสู้ นั่นเกิดมาจากสองวาทกรรมนี้ วาทกรรมที่หนึ่ง เมื่ออิมามฮุเซน (อ.) ถูกบีบบังคับให้เลือกในสองสิ่ง คือ “บัยอัต (สัตยาบัน) กับยาซีด” หรือ “ความตาย” เมื่อถูกบีบบังคับก็ไม่มีทางเลือกอื่น และไม่มีทางเลือกที่สาม มีแค่สองทางเลือกเท่านั้น แต่อิมามฮุเซน (อ.) ได้มีคำพูดที่เด็ดเดี่ยว คือ ان الداعي ابن الداعي ‘อินนัดดาอียับนัดดาอี !’ แปลว่า ‘ลูกซีนา ผู้เป็นลูกของลูกซีนา !

อิมามฮุเซน (อ.) ได้นำเสนอคำที่เจ็บปวดที่สุด ให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นคือใคร? ท่านอิมามฮุเซน (อ.) กำลังบอกว่า ตระกูลที่กำลังบีบบังคับท่าน คือตระกูลที่เป็นลูกซินา (ผิดประเวณี) และทำซินาเป็นนิจสิน มุอาวียะฮ์ คือลูกซีนา แม่ของมุอาวียะฮ์นางฮินด์ ก็เป็นผู้หญิงที่สำส่อนที่สุด และเมื่อนางฮินด์ได้รับอิสลาม หลังจากได้มีโองการอัลกรุอานที่ถูกประทานลงมาให้กับศาสดามุฮัมมัด (ซล.) แล้วท่านก็ได้ประกาศว่า นับแต่นี้เป็นต้นไปถ้าใครทำซีนา ฉันจะลงโทษตามบทบัญญัติของอัลลอฮ์ (ซบ.) ถ้าเป็นผู้ที่ยังไม่แต่งงาน ฉันจะโบย 100 ที แต่ถ้าใครที่แต่งงานแล้ว ฉันจะลงโทษโดยการประหารชีวิต

ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซล.) ได้กล่าวว่า หลังจากนี้ บทลงโทษ (ฮูดูด) ของการทำซีนาได้บัญญัติแล้ว ปรากฏว่า นางฮินด์ได้มาขอพบศาสดามุฮัมมัด (ซล.) เป็นการส่วนตัว ขออย่าเพิ่งประกาศใช้ ขอยกเว้นสักระยะหนึ่งก่อนจากศาสดามุฮัมมัด (ซล.) นางฮินด์ก็ได้เข้ารับอิสลามเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นหญิงสำส่อนที่สุดในมักกะฮ์ นางสำส่อนจนกระทั่งตั้งท้อง และไม่ทราบว่าใครทำให้นางท้อง นางฮินด์เลยจับอบูซุฟยานเป็นสามี แล้วให้กำเนิดมุอาวียะฮ์ออกมา ดังนั้น สรุปแล้วมุอาวียะฮ์ก็คือลูกซีนา และก็ทำซีนาได้ดีเหมือนกับวงค์ตระกูลซึ่งเป็นสายเลือดแห่งการทำซีนา และมุอาวียะฮ์ก็ได้ทำซีนากับหญิงนางหนึ่งจนได้ยาซีดออกมาเป็นลูก

แล้วในวันหนึ่งหลังจากยาซีดขึ้นมาเป็นคอลีฟะฮ์ เขาก็ได้ทำซีนากับน้าสาวของตัวเอง ซึ่งน้าสาวเป็นหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่เมื่อยาซีดได้ทำซีนากับน้าสาวของตัวเองแล้ว เขาก็พบว่าน้าสาวของตนนั้นเป็นหญิงที่ไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว เคยผ่านมือผู้ชายมาแล้ว เขาจึงโมโหสุดขีดได้ชักดาบออกมา แล้วถามน้าสาวว่า “ใครกล้าแตะตัวท่านก่อนหน้าฉันหรือ ในแผ่นดินที่บนีอุมัยยะฮ์ยิ่งใหญ่ใครกล้าทำเช่นนี้ บอกฉันม่า” น้องสาวของมุอาวียะฮ์ ซึ่งเป็นน้าสาวของยะซีด ก็ได้บอกว่า “พ่อของแกนั้น เคยปล่อยให้หญิงสาวหลุดมือไปได้บ้างหรือไม่ ?”

นี่เป็นสิ่งที่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ต้องการจะอธิบาย ก่อนที่ท่านจะตอบ ว่าท่านเลือกข้อเสนออะไรนั้น ท่านต้องการจะบอกให้รู้ก่อนว่า ผู้ที่ยื่นข้อเสนอนี้ให้กับท่านคือใคร ! โดยกล่าวว่า

ان الداعي ابن الداعي ‘อินนัดดาอียับนัดดาอี’ ! กล่าวคือ ท่านไม่มีความเกรงกลัวใดๆ แม้นฝ่ายผู้ปกครองทำตนเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อยู่บนเมฆ แต่ท่านที่เป็นฝ่ายแห่งนักสู้ ได้ชี้ให้เห็นว่า ผู้นั้นไม่มีค่าใดๆ และผู้ที่ไม่มีค่าใดๆ เลยในสายตาแห่งอัลลอฮ์ (ซบ.) คือผู้ที่ได้กำหนดให้ท่านเลือก ‘สองสิ่ง’ นั้น ! อิมามฮุเซน (อ.) เอาคำเปรียบเทียบมาอธิบาย โดยท่านอิมามฮูเซ็น (อ.) ไม่ได้บอกว่าท่าน “เลือกอะไร” แต่เอาผลของการเลือกมาบอก

สิ่งที่ศัตรูบังคับให้เลือก คือการบัยอัต หรือความตาย ซึ่งอิมามฮุเซน (อ.) ได้อธิบายว่า “การเลือกที่จะบัยอัตนั้น คือการเลือกที่แสนอัปยศ” อิมามฮุเซน (อ.) จึงบอกว่า هیهات من الذلة ‘ฮัยฮาตมินนัซซิลละฮ์’ หมายความว่า “เราจะไม่ยอมรับความอัปยศ !!” นั่นแสดงว่า อิมามฮุเซน (อ.) เลือกคมดาบ เลือกที่จะเป็นชะฮีด แต่ไม่มีวันที่จะเลือกความอัปยศ และเมื่อเลือกที่จะเป็นชะฮีด อิมามฮุเซน (อ.) ก็ได้บอกต่อไปอีกว่า فَإِنّی لا أَرَی الْمَوْتَ إِلاّ سَعادَةً “และฉันก็ไม่เห็นสิ่งใดในความตาย นอกจาก ‘ซะอาดะฮ์’ (ความสำเร็จรุ่งโรจน์)”

ความหมายของท่านคือ ทำให้ฉันเป็น ‘ซะอีด’ (ความสำเร็จอันรุ่งโรจน์) เป็นการดีกว่า หากจะให้ฉันก้มหัวให้กับคนอธรรมแบบยาซีด เพราะมันคือความอัปยศ ดังนั้นฉันเลือกที่จะตาย เพราะฉันมองไม่เห็นสิ่งใดในความตายนอกจากความสำเร็จรุ่งโรจน์ สองวาทกรรมข้างต้น เป็นสิ่งที่ปลุกจิตวิญญาณของคนที่มีความรักต่อขบวนการของอิมามฮุเซน (อ.) มาทุกยุคทุกสมัย เมื่อการต่อสู้ได้ถูกต้อนจนมุม และให้ทางเลือกระหว่างสิ่งสองสิ่งนี้ แน่นอนว่าบุคคลที่เป็นสาวกของอิมามฮุเซน (อ.) นั้น ก็ย่อมเลือกสิ่งที่ถูกต้องเสมอ และไม่ยอมเลือกสิ่งที่อัปยศ

โดย ท่าน ซัยยิด สุไลมาน ฮุซัยนี