ที่บอกว่าวีรกรรมนั้นยิ่งใหญ่กว่าวาทกรรมก็เช่นนี้ ไม่มีบุคคลใดสามารถทำได้อย่างท่านอิมามฮุเซน (อ.) บุคคลเหล่านั้นทำได้แต่เพียงวาทกรรมเท่านั้น และมีมนุษย์ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะสร้างวีรกรรมได้เท่ากับวาทกรรม หรือสร้างวีรกรรมได้เหนือกว่าวาทกรรม
เมื่ออิมามฮุเซน (อ.) ได้สู้รบไป ท่านนั้นยิ่งอ่อนแรง จนกระทั่งท่านได้ถูกอาวุธของศัตรูยิงจำนวนมาก หอกและธนูได้พุ่งไปที่ร่างของอิมามฮุเซน (อ.) จนกระทั่งท่านนั้นไม่มีแรงที่จะอยู่บนหลังม้าอีกต่อไป อิมามฮุเซน (อ.) ก็ได้ตกลงมาจากหลังม้า และท่านก็ได้พยายามที่จะลุกขึ้นยืนอีก โดยเอาดาบปักค้ำไว้บนพื้นดิน เพื่อจะยืนหยัดว่า “โอ้ดาบทั้งหลายจงมาเอาฉันไป”
และอีกตัวอย่างหนึ่งที่อิมามโคมัยนี (รฎ.) ได้บอกกับประชาชนว่า “เดือนมุฮัรรอม และซอฟัรนั้นเป็นเดือนที่เลือดมีชัยเหนือคมดาบ” และด้วยวาทกรรมอันนี้ที่อิมามฮุเซน (อ.) ได้แสดงไว้แล้ว ท่านอิมามโคมัยนี (รฎ.) จึงนำมาพูดให้กับประชาชนในอิหร่าน ให้ลุกขึ้นมาพลีเพื่อการปฏิวัตินับแสนๆ คนนั้น มันเป็นวาทกรรมเดียวกันกับวาทกรรมของอิมามฮุเซน (อ.) และเป็นวีรกรรมเดียวกันกับวีรกรรมแห่งกัรบาลา
และแน่นอนน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ก็ได้ค่อยๆ ทรุดกายลง ได้เกิดเหตุการณ์อย่างมากมายในระยะเวลาของการยืน การล้ม และทรุดกายลงของอิมามฮุเซน (อ.) จนกระทั่งวาระสุดท้ายของท่าน อิมามฮุเซน(อ.) หมดแรงที่จะขยับ และเคลื่อนไหวอีกต่อไป
ในขณะที่วิญญาณยังอยู่ เมื่อบรรดาเหล่าทรชนรู้ว่าอิมามฮุเซน (อ.) นั้นหมดแรงที่จะไหวตัวแล้ว พวกมันก็ได้วิ่งเข้ามา แน่นอนมันไม่ได้วิ่งเข้ามาเพื่อช่วยยกร่างของอิมามฮุเซน (อ.) แต่พวกมันวิ่งมาถอดหมวกของท่านออก เพื่อจะเป็นทรัพย์สินสงครามของพวกมัน อีกคนหนึ่งก็ได้วิ่งมาถอดเสื้อเกราะของท่านออกเพราะมันมีราคาที่แพง
อีกคนหนึ่งนั้นมาดึงดาบของอิมามฮุเซน (อ.) ออกไป บุคคลเหล่านั้นมารุมที่ตัวของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เพื่อที่จะแย่งทรัพย์สินสงครามจากร่างของ อะบาอับดิลลาฮิลฮุเซน (อ.) ซึ่งเป็นหลานของรอซูลลุลอฮ์ (ซล.)
เมื่อเสื้อเกราะถูกถอดออก อีกคนหนึ่งก็ได้ถอดเสื้อแห่งนะบูวัต ที่ท่านหญิงซัยนับ (อ.) ได้เตรียมเอาไว้ เมื่อคนสุดท้ายวิ่งมาแล้วเห็นเสื้อที่อยู่ด้านในสุดของอิมามฮุเซน (อ.) ซึ่งถ้าชุดนั้นมีค่าก็จะทำให้ร่างของอิมามฮุเซน (อ.) นั้นเปล่าเปลือยในกัรบาลา แต่อิมามฮุเซน (อ.) นั้นได้เตรียมการเอาไว้แล้ว
มันจึงรู้แล้วว่าเสื้อนี้เอาไปก็ไม่มีค่าอันใดเลย แต่มันก็พยายามที่จะมองหาสิ่งที่มีค่าที่สุด และสุดท้ายมันได้เหลือบไปเห็นแหวนที่นิ้วของ อะบาอับดิลลาฮิลฮุเซน (อ.) มันได้พยายามดึง แต่ดึงอย่างไรก็ไม่ออก มันจึงได้หาวิธีที่จะเอาแหวนที่นิ้วของอะบาอับดิลลาฮิลฮุเซน (อ.) ออก โดยที่ไม่ต้องเสียเวลา แล้วมันก็ได้เอาดาบสับไปที่นิ้วของอะบาอับดิลลาฮิลฮุเซน (อ.)
และเมื่อมันได้ทำการปล้นสะดมไป คนสุดท้ายก็ได้เข้ามา แล้วมันเห็นว่าไม่มีอะไรที่จะมีค่าไปกว่าศรีษะของอิมุฮูเซน (อ.) คนที่ตัดศรีษะของอิมามฮูเซน (อ.) นั้นก็คือ ‘ชิมร์’ (ละนุตุลเลาะฮอะลัยฮ์) มันไม่เห็นสิ่งใดที่ร่างของอิมามฮุเซน (อ.) ที่จะมีค่าไปกว่า ศรีษะของอิมามฮุเซน (อ.) เพื่อจะเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่ของมัน และเมื่อมันเอาศรีษะออกจากร่างของอะบาอับดิลลาฮิลฮุเซน (อ.) แล้วมันก็ไม่ได้หยุดเพียงท่านั้น
อุมัร อิบนิ ซะดอ์ (ละนุตุลเลาะฮอะลัยฮ์) ก็ได้สั่งให้นำม้าเร็วมาสิบตัว แล้วก็ได้ส่งสัญญาณ เมื่อสิ้นเสียงของการส่งสัญญาณแล้ว ม้าทั้งสิบตัวนั้นก็ได้ย่ำทับไปที่ร่างของท่านอะบบาอับดิลลาฮิลฮุเซน (อ.) ม้าตัวแล้วตัวเล่าได้กระทืบบนทรวงอก กระทืบไปที่ร่างที่ไร้ศรีษะ ของ อะบบาอับดิลลาฮิลฮุเซน (อ.) ม้าสิบตัว ได้บดขยี้ไปที่ร่างของ อะบบาอับดิลลาฮิลฮุเซน (อ.)
วาทกรรมของท่านนั้นได้กล่าว ว่า “โอ้… ดาบเอ๋ยจงมาเอาฉันไป” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช้ดาบเพียงอย่างเดียว พี่น้อง…….. อะบาอับดิลลาฮิลฮุเซน (อ.) ได้ถูกบดขยี้ด้วยเท้าของม้าเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนร่างของท่านแหลกเหลว !!
จากหนังสือ “ปรมัตถ์แห่งการพลี สดุดีอาชูรอ” โดยฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮุซัยนี