بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله الذى هدانا لهذا و ما كنا لنهتدى لولا ان هدانا لولا ان هدانا الله ثم الصلاة والسلام علی حبیبنا وشفیعنا ومولانا و سيدنا محمد و علی آله الطيبين الطاهرین المعصومین والمظلومین و لعنة الله على أعدائهم أجمعين من الآن إلى قيام يوم الدين
إِنْ أُرِيدُ إِلاَّ الإِصْلاحَ مَا اسْتَطَعْتُ وَمَا تَوْفِيقِي إِلاَّ بِاللَّهِ عَلَيْهِ تَوَكَّلْتُ وَإِلَيْهِ أُنِيبُ
“ฉันมิปรารถนาสิ่งใดนอกจากการปฏิรูป (อิศละศ์) ให้ดีขึ้นเท่าที่ฉันสามารถ และความสำเร็จของฉันจะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่ด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ แด่พระองค์ฉันขอมอบหมาย และยังพระองค์เท่านั้นฉันกลับไปหา” (ซูเราะห์ ฮูด โองการ 88)
มวลการสรรเสริญทั้งมวลแด่องค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ขอสดุดีและสำนึกในความเมตตาและในโอกาสแห่งเดือนมุฮัรรอม ที่เอกองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ได้ประทานให้กับพวกเราทุกคน ให้มีโอกาสได้ร่วมรำลึกถึง …เดือนแห่งการรำลึก…เดือนแห่งการไว้อาลัย…เดือนแห่งการแสดงความรัก และภักดีต่อบุคคลที่อัลลอฮ์ (ซบ.) เรียกร้องให้รัก อันจะนำสู่ไปการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาจิตวิญญาณ
เหตุผลประการหนึ่งที่ศาสนานี้ เรียกร้องให้มีความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ก็เพราะว่า ในการที่จะ ‘เปลี่ยนแปลง’ สำหรับมนุษยชาตินั้น ไม่มีพลังอื่นใดอีกแล้วที่จะเข้มแข็งมากไปกว่า ‘ความรัก’ แม้กระทั่ง ‘พลังแห่งความศรัทธา ก็ยังแพ้อานุภาพแห่งความรัก’ และนั่นคือ เหตุผลที่ศาสนาเรียกร้องความรักภายหลังจากมีความศรัทธาแล้ว เพราะด้วยความรักเท่านั้น ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ ‘ยิ่งใหญ่’ ที่สุด !!
ท่านชะฮีด อายะตุลลอฮ์ มุเฏาะฮ์ฮารี ได้อธิบายไว้ในหนังสือ ‘วินิจฉัยคุณลักษณะของอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ (อ.)’ ว่า “สิ่งที่อ่อนแอที่สุด จะกลับกลายเป็นสิ่งที่เข้มแข็งที่สุด ก็ด้วย…‘ความรัก'”เป็นหนึ่งในคำอธิบายถึงความหมายและนิยามของความรัก ท่านได้ยกตัวอย่างกรณีของ ‘ไก่’ ซึ่งเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งที่อ่อนแอที่สุด เกือบจะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ให้กับมนุษย์ได้ เมื่อเราเข้าใกล้มันก็จะกระโดดหนีทันทีด้วยความหวาดกลัว
ทว่า ไก่ตัวเดียวกันนี้ เมื่อได้ฟักไข่ของมันออกมาเป็นลูกเจี๊ยบ และเมื่อมันนำลูกน้อยออกเขี่ยดิน ไก่ตัวนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นไก่อีกตัวหนึ่ง ที่พร้อมจะโจมตี ถูกสรรพสิ่ง แม้แต่มนุษย์ก็ตาม โดยไม่คิดว่ามันจะแพ้หรือชนะ มันคิดอยู่อย่างเดียวคือ ปกป้องลูกน้อยของมันเท่านั้น และมันจะไม่หยุดการโจมตีจนกว่ามนุษย์จะหยุดการรุกราน ที่ไก่ตัวนี้เปลี่ยนไปก็เพราะมีความรักต่อลูกเจี๊ยบของมัน จากไก่ที่ขี้ขลาดหวาดกลัว กลับกลายเป็นไก่ที่กล้าหาญ
ดังนั้น ความรักของมนุษย์ที่มีต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) จะต้องพิสูจน์มากกว่า ไก่ จึงเรียกว่า ‘รัก’ !!และตราบใด ความรักที่แท้จริงต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ยังไม่เกิดขึ้น ถือว่า มนุษย์ยังไม่ประสบความสำเร็จต่อการเป็นมนุษย์ ความรักที่ไม่สามารถ ‘ปฏิวัติ’ ตัวตนได้ สิ่งนั้นไม่ใช่ความรักที่แท้จริง เพราะสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ความรัก ได้ คือการเปลี่ยนแปลง สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์คำว่า ‘รัก’ ได้ คือการปฏิวัติตัวตน
ดังนั้น เราจึงมีหน้าที่พิสูจน์ความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) และแน่นอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีขั้นตอน มีระดับขั้น จะต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีใครที่อยู่เฉยๆ แล้วรักอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) และได้เป็นชะฮีด
ความรักเริ่มต้นที่มัจญลิส เริ่มต้นที่ความรู้ เสียสละเวลา และเสียสละทรัพย์สินเงินทองไปในแนวทางของอัลลอฮ์ (ซบ.) และเข้าไปสู่การพลีชีวิตเพื่อพิสูจน์ความรักครั้งสุดท้าย ดังนั้นการเข้าใจเนื้อหาวีรกรรมแห่ง ‘กัรบาลา’ คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้มนุษย์นั้นได้ ‘เข้าใจ’ นิยามอย่างแท้จริงว่า ความรักที่อัลลอฮ์ (ซบ.) เรียกหาจากมนุษย์นั้นเป็นแบบไหน และเช่นไร? เหตุเพราะ กัรบาลา นั้นคือ เวทีสำหรับพิสูจน์ความรัก !!
ท่านอิมามฮุเซน (อ.) พิสูจน์ความรักที่มีต่ออัลลอฮ์ (ซบ.) ส่วนบรรดาสหาย ก็ได้พิสูจน์ความรักที่มีต่ออิมามฮุเซน (อ.) และแน่นอนว่า นั่นก็คือการพิสูจน์ความรักที่มีต่ออัลลอฮ์ (ซบ.) เพราะไม่ได้หมายความว่า รักอิมามฮุเซน (อ.) แล้วจะไม่รักอัลลอฮ์ (ซบ.) หากแต่ยิ่งรักอิมามฮุเซน (อ.) มากเท่าใด ก็เท่ากับว่ายิ่งรักอัลลอฮ์ (ซบ.) มากขึ้นเท่านั้น เพราะความรักอันนี้คือสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงเรียกร้อง
ถ้าเรามีความรักต่อสิ่งที่ถูกเรียกร้องมากเท่าใด เท่ากับว่า เรามีความรักต่อผู้เรียกร้องมากเท่านั้น ดังนั้นกัรบาลาจึงเป็นสนามสุดท้ายในการพิสูจน์ ความรักที่มนุษย์จะสามารถกระทำได้ และกัรบาลามีความรู้มากมายที่ควรแก่การค้นคว้า ซึ่งหนึ่งในเนื้อหาที่สำคัญที่ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญ เข้าไปศึกษา และทำความเข้าใจ คือ ‘โวหาร’ หรือ ‘วาทกรรม’ ต่างๆ ที่ได้ถูกผลิตขึ้นในวีรกรรม อันนี้
วาทกรรมที่ถูกนำเสนอในวีรกรรมนี้ ล้วนยิ่งใหญ่ สูงส่ง และสมบูรณ์ ทั้งสิ้น แต่ละประโยคแต่ละวาทกรรมมีเนื้อหาที่สมบูรณ์ ไม่ว่าเนื้อหาเหล่านั้นจะเป็นการกล่าวมาจากท่านอิมามฮุเซน (อ.) หรือบุคคลอื่นๆ ก็ตาม
ดังนั้น สิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญ คือการติดตามวาทกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นซึ่งมีอยู่อย่างมากมาย หากว่ามนุษย์เข้าใจวาทกรรมเหล่านั้นก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เพราะวาทกรรม ณ กัรบาลานั้นมีทั้งที่อธิบายถึงเป้าหมาย ความศรัทธา มีทั้งคำพูดที่อธิบายถึงอุดมการณ์ ที่มีความลึกซึ้ง
หนึ่งในวาทกรรมที่ข้าพเจ้าจะนำเสนอในค่ำคืนนี้ เป็นวาทกรรมสำคัญที่จะบอกเหตุผลของการต่อสู้ ซึ่งเป็นวาทกรรมต้นๆ เป็นคำประกาศช่วงต้นๆ ซึ่งท่านอิมามฮุเซน (อ.) ใช้ในรูปลักษณะของ ‘สาส์น’ หรือ ‘จดหมาย’ บางวาทกรรมนั้นอาจเป็นคำพูดสั้นๆ และบางวาทกรรมเป็นรูปแบบของจดหมาย
เมื่อท่านอิมามฮุเซน (อ.) ตัดสินใจที่จะลุกขึ้น ‘กิยาม’ และจะออกจากมะดีนะฮ์มุ่งสู่มักกะฮ์ ท่านก็ได้มี ‘สาส์น’ ฉบับหนึ่งไปยัง ‘มุฮัมมัด อัลฮานาฟียะฮ์’ พี่น้องต่างมารดาของท่าน เพื่อให้สาส์นฉบับนี้เปรียบดั่ง ‘สาส์นประกาศเจตนารมณ์’ เพื่อให้คงอยู่ตราบจนถึงวันกิยามัต จะได้อธิบายเหตุผลของการลุกขึ้นต่อสู้ เหตุผลของการพลีในครั้งนี้
เมื่ออิมามฮุเซน (อ.) ตัดสินใจที่จะออกจากมะดีนะฮ์ มีข้อกล่าวหามากมาย ทั้งจากเจ้าเมืองที่เป็นสมุนของบนีอุมัยยะฮ์ ที่กล่าวหาว่า ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ต้องการได้ตำแหน่ง ‘คอลีฟะฮ์’ ท่านจึงลุกขึ้นต่อสู้ ท่านอิมามฮุเซน (อ.) จึงส่งสาส์น ฉบับนี้ให้กับ ‘มุฮัมมัด อัลฮะนาฟียะฮ์’ :
จากหนังสือ “ปรมัตถ์แห่งการพลี สดุดีอาชูรอ” โดยฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮุซัยนี