การใช้ ชีวิตที่มีความสุข เป็นหนึ่งในความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เป็นเพราะมนุษย์ที่มีความสมดุลจะสร้างตนเองและสังคมของตนจากสิ่งนั้น ด้วยเหตุที่ว่าทุกคนก็ต่างตามหาความสุข แน่นอนถ้าเรามองไปรอบๆ ตัวเราก็จะเห็นฉากชีวิตต่างๆ อย่างมากมายทั้งฉากความสุขและความทุกข์ และแต่ละฉากทั้งสุขและทุกข์ก็มีความหมายที่จำเป็นในตัวของมันเองกับการใช้ ชีวิตของมนุษย์ ความสุขในฤดูใบไม้ผลิที่น่าตื่นตาตื่นใจ พืชพันธ์และดอกไม้หลากสี ธรรมชาติหรือท้องทะเลที่สวยงามหรือจากสิ่งอื่นๆ ในทางกลับกันความทุกข์เช่นความเจ็บไข้ได้ป่วยและความตาย ความอัตคัดหรือเหตุการณ์ที่ขื่นขมต่างๆนาๆ การดำรงชีวิต ของมนุษย์อยู่ระหว่างสองด้านของความทุกข์และความสุขสลับกันไป
บางเวลามนุษย์ก็จะอยู่ อย่างมีความสุขแต่บางเวลามนุษย์ก็จะหลีกเลี่ยงจากความทุกข์ไม่ได้เช่น เดียวกันและโดยธรรมชาติของมนุษย์ความทุกข์จะเป็นสิ่งที่เข้าใจยากและไม่มี ใครต้องการซึ่งแตกต่างจากความสุขโดยสิ้นเชิง ความสุขเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการและถวิลหา
ท่านอาจารย์ ชะฮีด มุเฏาะฮารี ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ความสุขคือความรู้สึกพึงพอใจอย่างหนึ่งเมื่อมนุษย์ได้รับรู้ว่าสิ่งที่เขา ต้องการเกิดขึ้นแล้วและเป็นความจริง หรือจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและความทุกข์ก็คือความเจ็บปวดอย่างหนึ่งที่มนุษย์ จะได้รับเมื่อพบว่าสิ่งที่เขาคาดหวังมันจะไม่เกิดขึ้น
ในโลกแห่งความวุ่นวายและ ท่ามกลางความน่าวิตกกังวล ความสงบและความคิดที่แสนจะเรียบง่ายคือของขวัญชิ้นพิเศษที่ทุกคนหมายปองจะมี กันถ้วนหน้า ในพื้นฐานของความเป็นจริงแล้ว หนึ่งในความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ก็คือการมีชีวิตที่สุขสบาย หรือใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะมนุษย์จะสามารถสร้างความสมดุลของชีวิตตังเองและสังคมของตัวเองให้ ปลอดภัย และมีพลวัตอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนสังคม โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์จะทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงจากความทุกข์และจะไขว่ คว้าหาความสุข ความสุขไม่ใช่เพียงแค่มีผลกระทบโดยตรงต่อสภาพสมดุลทางจิตใจของมนุษย์เพียง อย่างเดียวหากมันยังส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายมนุษย์อีกด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเรามาดูภาพรวมๆที่สะท้อนจากสังคมให้เราเห็นได้ชัดว่าจากสภาพจิตใจที่ เป็นสุขทำให้คนในสังคมมีความร่าเริงแจ่มใส อารมณ์ความรู้สึกสดชื่นแจ่มใสจะทำให้หัวใจทุกดวงใกล้ชิดกัน ปราศจากความหวาดวิตกกังวลหรือความรู้สึกกลัว หวาดระแวงและคิดร้ายซึ่งกันและกัน อริสโตเติลได้กล่าวไว้ว่า ความสุขเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งเพราะเราจะได้รับ สิ่งอื่นๆผ่านมัน
ศาสนาอิสลามอันศักดิ สิทธิ์ก็เช่นเดียวกันที่เป็นผู้ผลิตและรังสรรค์ทั้งความผาสุกในโลกนี้และโลก หน้าให้กับมนุษยชาติ ซึ่งความสุขที่แท้จริงจะต้องอยู่ภายใต้การอนุมัติจากศาสนบัญญัติและการ ปฏิบัติตามจะทำให้เราห่างไกลจากความอับเฉาในชีวิต ทั้งนี้และทั้งนั้นเราจะต้องยอมรับ ประโยคนี้ด้วยที่ว่าในการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นช่วงชีวิตที่มี ความสุขหรือความทุกข์ท้ายสุดแล้วทั้งสองจะเป็นประสบการณ์ชีวิตและคุณค่าของ คำว่าประสบการณ์จะสามารถสร้างความสุขให้กับเราทุกคน และที่จะลืมไปไม่ได้เลยคือความทุกข์ที่มีในชีวิตของมนุษย์เป็นรากฐานอัน สำคัญในการปรับสมดุลให้กับชีวิตของมนุษย์นั่นเอง
มาตรวัดความสุขและความทุกข์ของมนุษย์
๐ ความทุกข์ จะเป็นตัวผลักดันให้มนุษย์มีความพยายามอย่างเต็มความสามารถในการทำงานและการ ใช้ชีวิตในสังคมซึ่งหากมนุษย์พอใจและมีความสุขกับสถานการณ์เดียวในปัจจุบัน ที่ตนเองเป็นอยู่หรือชีวิตมนุษย์ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้ความกดดันทางด้านความ ทุกข์บ้างมนุษย์ก็จะรู้สึกพึงพอใจในสถานะที่เขาเป็นอยู่ตลอดเวลาหรือเรียก ว่าเขามีความสุขกับชีวิตความเป็นอยู่ของเขาเสมอ แน่นอนเขาจะตกอยู่ในอันตราย เพราะความรู้สึกเช่นนี้จะทำให้เขาไม่คิดที่จะพยามพัฒนา หรือใช้ความสามารถที่มีในตัวเขาอย่างเต็มที่และเขาก็จะตกอยู่ในสภาวะแห่ง ความถดถอย ด้อยในการพัฒนาด้านศักยภาพอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น บุคคลที่ประสพกับโรคร้ายต่างๆที่คร่าชีวิตมนุษย์ เช่น โรคเอดส์ หรือโรคมะเร็งจะเป็นที่รู้กันว่าคนที่เป็นโรคเหล่านี้สุดท้ายเขาก็จะประสพ กับความตาย และหากพวกเขามองว่าการเป็นโรคนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตมนุษย์หรือสามารถ ที่จะรับกับสภาพเหล่านั้นได้พวกเขาก็จะปฏิเสธการเข้ารับการรักษา และสุดท้ายโรคร้ายเหล่านั้นก็จะจบชีวิตของเขาลง
อิมาม อาลีได้กล่าวว่า บางครั้งมนุษย์จะมีความสุขกับสิ่งที่พวกเขาได้มา และอยู่ในครอบครองของเขา และในขณะเดียวกันมนุษย์ก็มีความทุกข์กับการศูนย์เสียสิ่งที่เขามีอยู่และ ความไม่สมปรารถนาทั้งหลาย
เพราะฉะนั้นพึงรู้ไว้ เถิดว่าความสุขอย่างเดียวของเราคือการได้ใช้ความเพียรพยายามทั้งหมดที่มีไป กับการขวนขวายเพียงเพื่อการสะสมเสบียงไว้สำหรับโลกหน้าของเราเท่านั้นนี่ถึง จะเป็นความสุขที่แท้จริงที่มนุษย์ผู้มีสติปัญญาทั้งหลายพึงมี
ที่มาของความสุขทางโลก
1.การเกิดขึ้นในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์และการมีอยู่ในสิ่งที่ไม่มีความเหมาะสมกัน
2.ยิ่งมนุษย์มีความรู้และ ความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็จะมีความทุกข์มากขึ้นเท่านั้น เช่นหากมนุษย์มีความรู้และเชื่อมั่นในความรู้ของเขาว่า หากเขาตายจากโลกนี้ไปเขาจะได้อยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้าและจะได้รับรางวัลต่างๆ อย่างมากมายที่ถูกสัญญาไว้ ถ้ามนุษย์มีความรู้ความเข้าใจจากเรื่องนี้จริง จะไม่มีมนุษย์คนไหนอยากอยู่บนโลกนี้แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มนุษย์นั้นมีความหลงลืมหรือเผลอเรอในสิ่งที่เขาประ จักรแจ้งเขาก็จะรู้สึกถึงความสุขของดุนยาที่เป็นวัตถุมากขึ้นทันที
อิมามอาลีได้กล่าวถึง สภาพของผู้ที่หลงลืมในดุนยา ว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตบนโลกนี้อย่างปรกติสุขและมีความชื่นบานกับสิ่งที่เขาได้ เห็นในดุนยา และได้อธิบายเกี่ยวกับสภาพบุคคลประเภทนี้ว่า มีบุคคลจำนวนมากที่เขาดำเนินชีวิตอยู่บนหน้าแผ่นดินและเขามีความรักและ หลงใหลกับวัตถุและแสงสีของโลกนี้พวกเขาใช้ความพยายามอย่างมากมายเพื่อให้ได้ ใช้ชีวิตอย่างหรูหราและพยายามที่จะสรรหาและเพิ่มพูนเนียะมัตให้กับตัวเอง อยู่ตลอดเวลา และจะใช้ความรู้ความสามารถของเขาเพื่อแสวงหายังเกียรติยศศักดิ์ศรีความ มีหน้ามีตาในวงสังคม และเวลาที่พวกเขามีความทุกข์เขาก็จะเยียวยาความทุกข์นั้นด้วยการผักผ่อน หย่อนใจ และทุกครั้งเขาต้องเจอกับความโศกเศร้าเขาก็จะหันหน้าไปพึ่งพาสิ่งไร้สาระ ในขณะเดียวกันก็เกรงว่าเขาจะใช้ช่วงเวลาที่มีค่าของชีวิตกับสิ่งไร้สาระพวก นี้ไปเสียหมดและทำให้เขาเสียโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาไปมารู้ตัวอีกที ก็ต่อเมื่อความตายได้มาเยือนเขาเสียแล้ว