ผู้ที่มีกระบวนทัศน์แบบที่เชื่อพระเจ้า ตอนที่ 1

161

ผู้ที่มีกระบวนทัศน์แบบที่เชื่อพระเจ้าคือผู้ที่จะต้องศรัทธาในสิ่งเร้นลับ มนุษย์ผู้ที่มีกระบวนทัศน์แบบพระเจ้าจึงย่อมมีเป้าหมายในชีวิตอย่างแท้จริง การมีเป้าหมายในชีวิตในที่นี้เป็นผลลัพท์หนึ่งของการมีกระบวนทัศน์แบบที่เชื่อในพระเจ้า ความเพียรพยายามก็เป็นอีกผลลัพท์หนึ่งที่ติดตามมา หมายความว่า มนุษย์ที่มีกระบวนทัศน์แบบที่เชื่อในพระเจ้า หากไม่ตกอยู่ภายใต้ความรู้สึกนึกคิดที่ผิด ไม่ยึดติดหรือไม่มีความเดือดร้อนใดๆ เขาก็ยังจะมีความเพียรพยายามในกิจการที่ถูกมอบหมายแก่เขาต่อไป

สมมุตว่าหากท่านได้รับมอบหมายให้มีตำแหน่งหน้าที่หนึ่งในรัฐอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่ใหญ่หรือเล็กก็ตามโดยที่ไม่มีผู้ใดมาตรวจสอบหรือสอดส่องดูแลการทำงานของท่าน และท่านเองก็ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อารมณ์นึกคิดที่ผิดของตน ท่านจะถามตัวของท่านเองใหมว่า เวลาทำงานในสำนักงานที่ยังคงเหลืออยู่อีกครึ่งชั่วโมงนี้ ท่านจะทำงานที่เหลืออีกต่อไปไหม กระบวนทัศน์แบบที่เชื่อพระเจ้าจะแสดงออกในที่เช่นนี้

นั่นก็หมายถึงเชื่อในความเร้นลับเชื่อว่าพระเจ้ากำลังจ้องมองอยู่และท่านเองจะต้องตอบคำถามในทุกๆสิ่งที่ท่านกระทำ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กหรือใหญ่ และเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการกระทำเหล่านั้น ซึ่งถ้าเชื่อศรัทธาว่าพระองค์ทรงเห็นการกระทำต่างๆ ท่านก็จะไม่สนใจว่าจะมีใครอื่นเห็นหรือรับรู้ ท่านก็จะทำงานของท่านต่อไปแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยหรือเมื่อยล้า หรืออยู่ตามลำพังก็ตาม เพราะมีแรงจูงใจที่จะให้ท่านทำงานต่อไปเพราะเชื่อศรัทธาว่ามีพระเจ้า และพระองค์ก็ทรงเห็นและรับรู้ต่อการกระทำต่างๆ และเชื่อว่าพระองค์กำลังจ้องมองอยู่

การเชื่อในอำนาจเร้นลับและการมีกระบวนทัศน์แบบที่เชื่อพระเจ้าจะไปเสริมสร้างความเพียรพยายามให้กับมนุษย์ คุณสมบัติอีกประการหนึ่งของกระบวนทัศน์นี้ก็คือเห็นถึงความหมายอันลึกซึ้งและครุ่นคิดในทุกๆปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อท่านเชื่อถึงความเร้นลับ (ฆอยบ์) และรู้ดีว่าพระประสงค์แห่งพระผู้เป็นเจ้ามีอยู่เหนือสรรพสิ่งพร้อมทั้งเชื่ออีกว่าการสร้างของพระผู้เป็นเจ้านั้นอยู่บนความเป็นระบบระเบียบ

ฉะนั้นทุกๆการเคลื่อนไหวและการพัฒนา ไม่ว่าจะเกี่ยวกับธรรมชาติ ประวัติศาสตร์หรือมนุษยชาติย่อมจะมีความหมายอันลึกซึ้งแฝงอยู่ทั้งสิ้น เพราะมันเป็นความจำเป็นของระบบระเบียบ และเมื่อมันมีความหมายอันลึกซึ้งแฝงอยู่ ท่านเองก็ปรารถนาที่จะรับรู้ถึงมัน ซึ่งย่อมจะทำให้มนุษย์อยากรู้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น การมีกระบวนทัศน์แบบที่เชื่อศรัทธาต่อพระเจ้าและเชื่อในความเร้นลับย่อมจะเรียกร้องเชิญชวนไปสู่การรู้จักเรียนรู้ให้มากขึ้นต่อโลก สิ่งแวดล้อมรอบตัว ประวัติศาสตร์และทุกๆปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น สรุปก็คือการเชื่อศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับเป็นเงื่อนไขแรกสำหรับการมีความยำเกรงส่วนเงื่อนไขที่สองที่ตามมาของการมีความยำเกรงคือ การดำรงนมาซ

ที่มา สาส์นจากฟากฟ้า ฉบับที่ 3 เดือนมกราคม 2551