มีรายงานฮะดีษมากมายที่กล่าวถึงอัล-มะฮ์ดีย์(อ.) ทั้งจากแหล่งอ้างอิงของซุนนีและชีอะฮ์ การตรวจสอบเนื้อหาของรายงานฮะดีษเหล่านี้พิสูจน์แล้วว่า ประเด็นเรื่องการมาของอัล-มะฮ์ดีย์(อ.) และอัล-กออิม เป็นคำสอนที่มีอยู่แล้วตั้งแต่สมัยที่ท่านศาสดา(ศ.) ยังมีชีวิต ประชาชนต่างคาดหวังกันว่าจะมีคนผู้หนึ่งที่จะลุกขึ้นสถาปนาสัจธรรมและเผยแผ่การเคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ พวกเขายังหมายมั่นว่าคนผู้นั้นจะมาทำหน้าที่ชำระแผ่นดินนี้ให้สะอาดบริสุทธิ์และสถาปนาความยุติธรรมขึ้น ความเชื่อนี้มีอยู่ในหมู่คนอย่างกว้างขวางที่ได้พิสูจน์อยู่ในหลักการของพวกเขาโดยกล่าวถึงมันในรายละเอียด
บางครั้งพวกเขาตั้งคำถามว่า “มะฮ์ดีย์ผู้ถูกรอคอยนั้นจะมาจากครอบครัวใด?” บางครั้งพวกเขาต้องการจะรู้ชื่อของเขา และอยากจะรู้ว่าทำไมเขาจึงถูกเรียกว่า มะฮ์ดีย์ พวกเขาอยากรู้เกี่ยวกับการปฏิวัติของเขา และถามถึงสัญญาณต่างๆ ในการมาปรากฏของเขา พวกเขาต้องการหาคำตอบด้วยว่ามะฮ์ดีย์ และกออิมนั้น เป็นคนคนเดียวกันหรือไม่ พวกเขาได้รับการบอกเล่าถึงการเร้นหายของมะฮ์ดีย์ และต้องการทำความเข้าใจถึงเหตุผลและข้อปฏิบัติของผู้ปฏิบัติตามเขาในขณะที่เขาเร้นกาย
ท่านศาสดา(ศ.) เคยแจ้งกับประชาชนหลายครั้งเกี่ยวกับการมีของมะฮ์ดีย์ โดยท่านได้กล่าวว่า “มะฮ์ดีย์จะมาจากลูกหลานของฉัน เขาจะเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาลูกหลานของฟาฏิมะฮ์ จากลูกหลานของฮุเซน” ในบางครั้งท่านจะประกาศชื่อและฉายานามของเขา และให้ข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาณต่างๆ ในการปรากฏของเขาและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
การถกเถียงกันในหมู่สาวกและคนรุ่นต่อๆ มา
ภายหลังการเสียชีวิตของท่านศาสดา(ศ.) ยังมีการพูดถึงเรื่องการมาของอัล-มะฮ์ดีย์ในหมู่สาวกคนสำคัญของท่านศาสดา และคนในรุ่นต่อๆ มา เรื่องนี้ถือว่าเป็นสัจธรรมข้อหนึ่งของศาสนา และถือว่าเป็นเหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ต่อไปนี้คือตัวอย่างรายงานที่กล่าวถึงเรื่องนี้
อะบูฮุรอยเราะฮ์กล่าวว่า “ประชาชนจะให้สัตยาบันต่อมะฮ์ดีย์ระหว่างรุกน์และมะกอม” (อิบนฺ ตาวุส กิตาบ อัล-มะลาฮิม วะ อัล-ฟิตาน หน้า 64, รุกน์ และมะกอม คือตำแหน่งสำคัญสองแห่งในมัสยิดอัล-ฮะรอม ในมักกะฮ์)
มีรายงานว่าอิบนฺ อับบาสเคยบอกกับมุอาวียะฮ์ว่า บุคคลหนึ่งจากบรรดาลูกหลานของท่านศาสดาจะมาปกครองเป็นเวลาสี่สิบปีในยุคสุดท้าย
ในอีกเหตุการณ์หนึ่ง ชายคนหนึ่งได้ขอให้อิบนฺอับบาสบอกเขาเกี่ยวกับอัล-มะฮ์ดีย์ เขากล่าวว่า “ฉันหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ชายหนึ่งจากครอบครัวของเรา(ตระกูลฮาชิม) จะขึ้นมาทำให้ความวุ่นวายและการแตกแยกกันในหมู่ประชาชนจบสิ้นลง” (อิบิด หน้า 84). Ibid. p. 84.
อิบนฺอับบาส ยังได้เจาะจงด้วยว่าลูกหลานของท่านศาสดา(ศ.) ผู้นี้จะมาจากลูกหลานของฟาฏิมะฮ์(อ.)
อัมมารฺ บิน ยาซิร สาวกผู้มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งของท่านศาสดา(ศ.) รายงานว่า “เมื่อถึงเวลาที่นัฟซฺ อัล-ซฟกียะฮ์ ถูกสังหาร ผู้เรียกร้องจากฟากฟ้าจะกล่าวว่า “ผู้บัญชาของพวกท่านคือ ..ผู้นั้นผู้นี้…” หลังจากนั้นอัล-มะฮ์ดีย์จะปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อทำให้แผ่นดินเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความเท่าเทียม” (อิบิด หน้า 179)
อับดุลลอฮ์ บิน อุมัรฺ กล่าวถึงชื่อของอัล-มะฮ์ดีย์ต่อหน้าชาวอาหรับคนหนึ่งที่กล่าวว่า “มะฮ์ดีย์คือมุอาวียะฮ์ บิน อบูซุฟยาน” อับดุลลอฮ์กล่าวว่า “มันไม่ใช่ตามที่เจ้าพูด มะฮ์ดีย์คือบุคคลผู้ซึ่งศาสดาอีซา(อ.) จะมานมาซตามหลังเขา”
อุมัรฺ บิน กอยส์ ถามมุญาฮิดว่า เขารู้อะไรเกี่ยวกับอัล-มะฮ์ดีย์บ้างหรือไม่ เนื่องจากเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ชีอะฮ์กล่าวเกี่ยวกับเขา มุญาฮิดกล่าวว่า “ฉันรู้ สาวกคนหนึ่งของท่านศาสดา(ศ.) บอกกับฉันว่า มะฮ์ดีย์จะไม่ปรากฏตัวจนกว่าจะถึงเวลาที่นัฟซฺ อัล-ซากียะฮ์ จะถูกสังหาร เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะมีอำนาจบังคับบัญชา และจะทำให้แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรมและความเท่าเทียม” (อิบิด หน้า 171)
อุมัยเราะฮ์ บุตรสาวของนุอฺฟัยล์ รายงานว่า นางได้ยินบุตรสาวของอิมามฮะซัน บิน อะลี(อ.) กล่าวว่า “เรื่องนี้ที่พวกท่านรอคอยกันอยู่จะไม่เกิดขึ้น จนกว่าพวกท่านจะหลีกห่างไกลจากกันและกันและสาปแช่งกันและกัน” (มัจญ์ลิซี บิฮารุล-อันวารฺ เล่ม 52 หน้า 211)
อะบู อัล-ฟะรอจ อิสฟาฮานี ผู้เขียนมะกอติล อัล-ตะลาบิยีน เขียนว่า ฟาฏิมะฮ์ บุตรสาวของฮุเซน บิน อะลี เคยช่วยทำคลอดในฐานะผู้ช่วยอาสาสมัครให้แก่บรรดาสตรีจากตระกูลบะนีฮาชิม บุตรชายของนางเคยกล่าวว่า “เราเกรงว่าท่านจะถูกทึกทักว่าเป็นหมอตำแยมืออาชีพ” นางกล่าวตอบว่า “ฉันกำลังคอยคนผู้หนึ่งอยู่ ทันทีที่เขาถือกำเนิด ฉันจะหยุดช่วยงานทำคลอด” (มะกอติล อัล-ตะลาบียีน หน้า 160)
กอตาดาได้ถาม อิบนฺ มุซัยยิบ ว่า “การมีอยู่ของอัล-มะฮ์ดีย์เป็นเรื่องจริงหรือ?” เขากล่าวว่า “ใช่ เขาคือสมาชิกคนหนึ่งจากเผ่ากุเรช จากบรรดาลูกหลานของฟาฏิมะฮ์(อ.)” รายงานแบบเดียวกันนี้ถูกรายงานจากซุฮ์รี ผู้รู้ที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้เล่าว่า อัล-มะฮ์ดีย์จะมาจากบรรดาลูกหลานของฟาฏิมะฮ์(อ.) อบู อัล-ฟะรอจ รายงานเหตุการณ์หนึ่งขณะที่วะลีด บิน มุฮัมมัด อยู่กับซุฮ์รี และมีเสียงโห่ร้องดังขึ้น ซุฮ์รีให้วะลีดออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากรู้แล้ววะลีดได้รายงานว่า “ซัยด์ บิน อะลี ถูกสังหารแล้ว และศีรษะของเขาถูกนำมา” ซุฮ์รีผิดหวังและกล่าวว่า “ทำไมครอบครัวนี้จึงรวดเร็วนัก? ถูกทำลายล้างไปจำนวนมากอย่างรวดเร็ว” วะลีดถามว่า “พวกเขาจะได้มีอำนาจไหม?” เขาตอบว่า “มีสิ เพราะอะลี บิน ฮุเซน(อ.) เคยรายงานฮะดีษบทหนึ่งจากบิดาของเขา ผู้ซึ่งได้ยินมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ.) บุตรสาวของท่านศาสดา(ศ.) ที่ท่านศาสดา(ศ.) ได้บอกกับนางว่า ‘มะฮ์ดีย์จะมาจากลูกหลานของเจ้า”
แหล่งอ้างอิงอื่นๆ ที่กล่าวถึงรายงานฮะดีษเหล่านี้ อาทิเช่น
อิบนฺ ซิรีน เคยกล่าวว่า อัล-มะฮ์ดีย์ที่ถูกสัญญาไว้นั้น จะมาจากประชาชาตินี้ เขาจะเป็นผู้ซึ่งนมาซนำศาสดาอีซา(อ.)” (กิตาบ อัล-ฮาวี ลิ อัล-ฟะตะวา เล่ม 2 หน้า 135)
อีกที่หนึ่งเขารายงานฮะดีษจากอับดุลลอฮ์ บิน ฮาริษ เขากล่าวว่า “มะฮ์ดีย์จะปรากฏตัวในวัยสี่สิบปี และจะเหมือนกับลูกหลานของอิสรออีล” รายงานที่แตกต่างจากนี้รายงานโดย อัรฺตัต ที่กล่าวว่า มะฮ์ดีย์จะปรากฏตัวในวัยยี่สิบปี รายงานอีกบทหนึ่งในหัวข้อนี้อธิบายเหตุผลที่อัล-มะฮ์ดีย์ได้รับชื่อนี้ โดยกะอับ กล่าวว่า “เขาถูกตั้งชื่อว่ามะฮ์ดีย์เพราะเขาจะได้รับการชี้นำในเรื่องที่ถูกซ่อนเร้น” อับดุลลอฮ์ บิน ชุรอยก์ เคยเล่าว่า ธงของท่านศาสดา(ศ.) จะอยู่กับอัล-มะฮ์ดีย์” (อิบิด หน้า 147-150)
อิบนฺ ซิริน บันทึกรายงานฮะดีษอื่นๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับภาระหน้าที่ของอัล-มะฮ์ดีย์ หนึ่งในรายงานเหล่านี้มาจากฮะกัม บิน อุยัยนะฮ์ กล่าวว่า เขาได้ถามอิมามมุฮัมมัด บิน อะลี อัล-บากิรฺ(อ.) ว่า เราได้ยินมาว่า คนหนึ่งจากบรรดาพวกท่านอะฮ์ลุลบัยต์ จะลุกขึ้นมาสถาปนาความยุติธรรมและความเท่าเทียมกัน เรื่องนี้จริงหรือไม่? ท่านตอบว่า “พวกเราก็กำลังรอคอยการปรากฏตัวของเขาด้วยเช่นกัน และใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวัง”
Source : tebyan.net