ปลดปล่อยด้วยฮิญาบ (ตอนที่ 2)

152

ผู้หญิงมุสลิมไม่ได้รู้สึกถูกกดดันให้ต้องสวยงามหรือน่าสนใจ ซึ่งปรากฏอย่างแพร่หลายมากในวัฒนธรรมของตะวันตกและตะวันออก พวกเธอไม่ต้องใช้ชีวิตโดยขึ้นอยู่กับความคาดหมายว่าอะไรน่าปรารถนาและอะไรไม่น่าปรารถนา ความสวยงามทุกกระเบียดนิ้วไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงมุสลิมเป็นกังวล เป้าหมายสำคัญของพวกเธอคือความสวยงามทางจิตวิญญาณภายใน พวกเธอไม่ต้องใช้ร่างกายหรือเสน่ห์เพื่อให้เป็นที่จดจำหรือเป็นที่ยอมรับในสังคม มันแตกต่างกันอย่างมากกับวิธีการอันโหดร้ายที่สังคมอื่นๆ ใช้กับผู้หญิง ซึ่งคุณค่าของพวกเธอจะถูกตัดสินด้วยภาพลักษณ์ทางร่างกายของพวกเธอเสมอ มีตัวอย่างการเลือกปฏิบัติในสถานที่ทำงานอย่างมากมายที่ผู้หญิงจะถูกยอมรับหรือถูกปฏิเสธเนื่องจากความน่าดึงดูดใจหรือเสน่ห์ทางเพศของพวกเธอ

ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งจากการสวมใส่ผ้าคลุมคือมันเครื่องปกป้องสำหรับผู้หญิง มุสลิมเชื่อว่า เมื่อผู้หญิงเปิดเผยความงามของตนต่อทุกๆ คน เป็นการลดเกียรติของตัวเองด้วยการกลายไปเป็นเป้าของความปรารถนาทางเพศและกลายเป็นจุดอ่อนแก่ผู้ชายที่มองพวกเธอว่าเป็น “ความอิ่มอกอิ่มใจเพื่อกระตุ้นทางเพศ ฮิญาบทำให้พวกเธอหลุดพ้นออกมาเป็นผู้หญิงในระดับชั้นที่บริสุทธิ์และอ่อนน้อมถ่อมตน จึงทำให้ผู้ล่วงละเมิดและผู้ชายที่ถูกกระตุ้นอาจยอมรับเธอในระดับนั้นและไม่กล้าหยอกล้อกับพวกเธอในทางที่ชั่วร้าย” ฮิญาบช่วยแก้ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศและการรุกรานทางเพศที่ไม่พึงปรารถนา ซึ่งเป็นพฤติกรรมของผู้หญิง เมื่อผู้ชายได้รับสัญญาณผสมกับความเชื่อว่าผู้หญิงต้องการให้พวกเขารุกรานด้วยวิธีที่พวกเธอเปิดเผยร่างกายของพวกเธอ

แนวความคิดแบบตะวันตกที่ว่า “ถ้าคุณมี คุณก็ควรจะเปิดเผยมันออกมา” เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกันอย่างยิ่งกับหลักการของอิสลาม ซึ่งจุดมุ่งหมายไม่ได้อยู่ที่การนำความสนใจมาสู่ตัวเอง แต่ให้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน

ผู้หญิงในสังคมต่างๆ มากมายถูกปฏิบัติเสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางเพศ และไม่มีอะไรมากไปกว่าร่างกายที่ “เปิดเผยตัวเองเพื่อให้ได้รับความสนใจ” ตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้คือในการโฆษณาสินค้า ซึ่งร่างกายของผู้หญิงถูกนำมาใช้เพื่อขายผลิตภัณฑ์ ผู้หญิงค่อยๆ ถูกลดเกียรติของตัวเองและถูกสั่งให้เปิดเผยเรือนร่างมากขึ้นๆ เรื่อยๆ

การปกปิดเรือนร่างทำให้ผู้หญิงมีความถูกต้องเรียบร้อย และบังคับให้สังคมให้ความนับถือให้เกียรติอย่างสูงแก่เธอ ฮิญาบไม่ได้เป็นการลบหลู่ผู้หญิง แต่ได้มอบกลิ่นอายแห่งความเคารพนับถือแก่ผู้หญิง และมอบเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พิเศษให้แก่เธอ

ในอัล-กุรอาน ความประพฤติอย่างมีศีลธรรมในระดับสูงมีไว้สำหรับผู้ชายเช่นเดียวกับที่มีสำหรับผู้หญิง ความอ่อนน้อมถ่อมตัวก็เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของผู้ชายเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการการกระทำ ความนึกคิดหรือคำพูด อิสลามมีคำสอนเรื่องความประพฤติและการแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ชายเช่นเดียวกัน คือพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยเรือนร่างอย่างลามกเพื่อดึงดูดความสนใจมาสู่ตัวเอง และพวกเขาต้องแต่งกายอย่างสุภาพเรียบร้อยด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขาได้รับคำบัญชาพิเศษให้ลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และต้องไม่จ้องมองผู้หญิง

คัมภีร์อัล-กุรอาน ในบทอัน-นูร มีความว่า

“จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) แก่บรรดาชายผู้ศรัทธาให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ” (อัล-กุรอาน 24 : 30)

ในแถบตะวันตก มีความเข้าใจผิดอย่างมากมายเกี่ยวกับผู้หญิงมุสลิม โดยเฉพาะความเข้าใจว่าผู้คลุมศีรษะของพวกเธอมาจากประเทศอาหรับและประเทศมุสลิม ซึ่งความคิดนี้ได้หันเหออกไปจากหลักคำสอนที่แท้จริงของอิสลาม และได้ผสมผสานหลักการของอิสลามเข้ากับวัฒนธรรมป่าเถื่อนก่อนหน้าอิสลาม

ในยุคแห่งความเสื่อมโทรมไปจากอิสลามในปัจจุบันนี้ ผู้หญิงมุสลิมจำนวนมากถูกแปลกแยกและกีดกันออกจากชีวิตทางสังคม และถูกกดขี่โดยผู้ชายและผู้ปกครองมุสลิมที่ใช้นำของศาสนาเพื่อความอยุติธรรมของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น ฮิญาบถูกนำมาใช้เป็นช่องทางในการกีดกันผู้หญิงมุสลิมจำนวนมากออกไปจากสังคม ด้วยความเข้าใจผิดว่ามันเป็นเครื่องหมายของการปลีกตัวและความอ่อนแอ แต่เมื่อผู้หญิงมุสลิมกลับมาสู่การปกป้องให้พ้นจากมลทินและมาสู่อิสลามที่แท้จริง พวกเธอจึงสามารถสำนึกได้ถึงความอยุติธรรมของผู้ชายที่ได้ปล้นชิงสิทธิของพวกเธอในการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมมาช้านาน และพวกเธอควรจะมีศักดิ์ศรี มีเกียรติ มีความก้าวหน้า และเจริญรุ่งเรืองเช่นเดียวกันดับพวกผู้ชาย

ปัจจุบันนี้ผู้หญิงที่ได้รับเอกลักษณ์และบทบาทที่แท้จริงในสังคมของพวกเธอกลับคืนมาจะสวมใส่ฮิญาบ และเข้าใจหลักการปลดปล่อยของมันที่มีสำหรับผู้หญิง และพวกเธอกำลังเข้ายืนในตำแหน่งที่ชอบธรรมของพวกเธอตามที่อิสลามได้มอบให้แก่พวกเธอเมื่อหนึ่งพันสี่ร้อยปีที่แล้ว

Source : tebyan.net