ผู้หญิงสามารถสร้างนักปฏิรูปสังคมได้ ยิ่งกว่านั้น มารดาที่ดีสามารถให้กำเนิดประชาชาติที่ดีได้ ผู้ชายไม่ได้รับสติปัญญาที่ผู้หญิงได้ครอบครองไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก และการเสียสละเพื่อลูก แม้ว่าพ่อจะให้ความรัก และมีความรู้สึกต่อลูกของเขาอย่างไม่ขาดแคลน แต่มีเพียงมารดาเท่านั้น ไม่ใช่ผู้อื่นที่สามารถเลี้ยงดูลูกด้วยความรัก ความเมตตา และด้วยการเอาใจใส่ได้
ทั้งๆที่หน้าที่ของเธอเป็นบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในโลกแห่งการทรงสร้าง แต่สตรีได้ถูกทรมาน ถูกโจมตี ถูกทารุณ และถูกทอดทิ้งมาเป็นระยะเวลายาวนาน จนทำให้พวกเธอลืมความเป็นหญิงและความเป็นมารดาของพวกเธอไป และทำตัวเองให้ยุ่งอยู่กับการโชว์ความงามเพื่อให้ผู้ชายชื่นชอบ และด้วยเหตุนี้ผู้หญิงจึงกลายมาเป็นสินค้าของผู้ชายที่หาได้ง่ายในทุกวันนี้
ในการวางสตรีไว้ในตำแหน่งที่เป็นเกียรติกับตัวเขาเอง ท่านผู้นำแห่งยุคสมัย ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ได้กล่าวว่า “อิสลามไม่ต้องการให้สตรีถูกเอารัดเอาเปรียบหรือเป็นสินค้าจากน้ำมือของผู้ชาย อิสลามต้องการที่จะรักษาบุคลิกภาพของผู้หญิง และมองเธอว่าเป็นบุคคลสำคัญ และมีประสิทธิภาพคนหนึ่ง “
ในทัศนะของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) หน้าที่ของสตรีในวันนี้ก็คือ การปฏิบัติหน้าที่ทางสังคมและศาสนาของพวกเขาให้สำเร็จ เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ และความบริสุทธิ์ส่วนตัวของพวกเขา และเพื่อดำเนินการส่งต่อการเคลื่อนไหวทางสังคม และทางการเมืองบนพื้นฐานของบรรยากาศแห่งศีลธรรมและความพึงพอใจออกสู่สาธารณะชน
ท่านได้ให้ความเห็นอย่างหนักแน่นเกี่ยวกับตำแหน่ง บทบาทหน้าที่ และการเป็นที่เคารพที่เหมาะสมของสตรีในโลกสมัยใหม่ ไม่เพียงแต่ในโลกปัจจุบันเท่านั้น แต่ว่าในประวัติศาสตร์ 1,000 ปีไม่เคยพบว่ามีสตรีที่มีความก้าวหน้า และสง่างามเท่ากับสตรีของอิหร่านในปัจจุบันนี้เลย
เพื่อมุ่งเน้นความสนใจเป็นพิเศษ ไปที่การยกย่องและการให้เกียรติแก่สตรี ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) จึงได้ประกาศให้วันประสูติอันศักดิ์สิทธิ์ของมารดาแห่งโลกมุสลิม ท่านหญิง ฟาติมะฮ์ ซะฮ์รอ (อ.) บุตรีท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ว่า เป็น “วันแห่งสตรี” ผ่านทางการประกาศนี้ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ได้คืนสถานะภาพให้กับสตรีในตำแหน่งที่พวกเธอสมควรจะได้รับด้วย และด้วยเหตุนี้สตรีจึงได้รับความน่าเคารพนับถือ และเกียรติของพวกเธอที่สูญเสียไปกลับคืนมา
ท่านอิมามผู้ยิ่งใหญ่ได้กล่าวเกี่ยวกับบทบาท และตำแหน่งของผู้หญิงในโลกนี้ไว้ว่า “ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญที่ต้องทำในสังคม พวกเขาเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง เป็นแรงบันดาลใจและเป็นความเข้าใจของมนุษย์ชาติ พระองค์ทรงออกแบบสตรีมาเพื่อเป็นผู้ปกป้องมนุษย์ชาติ จากตักของสตรีสามารถมอบความเป็นมนุษย์ให้กับสังคมได้ ไม่เพียงแต่สังคมเดียวเท่านั้น
แต่มีสังคมอีกมากมายที่สามารถได้มาซึ่งการต่อสู้ฝ่ายวิญาณที่หนักแน่น และการสร้างคุณค่าที่สูงส่งของความเป็นมนุษย์ได้”
ในการกำหนดตำแหน่งของสตรีในโลกแห่งการทรงสร้างนี้ ท่านอิมามได้แสดงความคิดเห็นว่า “ผู้ชายจะได้ไปเมียะรอจญ์จากตักของผู้หญิง บทบาทของผู้หญิงสูงส่งกว่าหน้าที่ของผู้ชายในสังคม เนื่องมาจากความจริงที่ว่า สตรีตั้งอยู่ในชนชั้นที่ใช้ประโยชน์ได้ในทุกนิยาม ดำเนินอยู่ในขอบเขตเมื่อเทียบกับชนชั้นอื่นๆ
ข้าพเจ้าได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์อย่างกว้างขวางในสังคมของสตรีเมื่อเทียบกับสังคมของผู้ชาย ข้าพเจ้ารู้สึกภูมิใจกับสตรีที่น่าเคารพนับถือของอิหร่าน เพราะสตรีอิหร่านได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ ซึ่งได้ทำให้การกบฏอันโหดร้ายที่มีมามากกว่า 50 ปีโดยผู้คิดกบฏต่างชาติในประเทศนี้ถูกทำลายลง” ท่านยังกล่าวอีกว่า “ระดับของสังคมจะสูงหรือต่ำนั้นขึ้นอยู่กับความสูงและต่ำของสตรีในสังคมนั้นๆ”
ท่านหญิงฟาติมะฮ์ ซะฮ์รอ (อ.) เป็นสตรีผู้หนึ่งที่มีบุคลิกภาพที่เลอเลิศ และมีความรู้ลึกซึ้งในทุกด้านของอิสลาม ซึ่งท่านได้นำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริง และในการดำเนินชีวิตของท่าน ท่านมิใช่เพียงแต่เป็นแบบอย่างของสตรีที่ดีในชั่วอายุของท่านเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นสตรีที่มนุษยชาติควรเอาแบบอย่างเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งในยุคปัจจุบันนี้ที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าอย่างกว้างขวางในอารยะธรรมมนุษย์
แปลและเรียบเรียงโดย ซะฮ์รอ ภักดี