ท่านศาสดา(ศ.) ได้กล่าวไว้ว่า “พวกท่านมิได้ถูกสร้างมาเพื่อการดับสูญ แต่เพื่อการดำรงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์”
ความตายคืออะไร? มนุษย์จะกลายเป็น “ความว่างเปล่า” ไปหลังจากความตายละหรือ? ความตายคือจุดจบของวิญญาณเช่นเดียวกับร่างกายกระนั้นหรือ?
ในสายตาของผู้ที่เชื่อว่าชีวิตเป็นเพียงการวิวัฒนาการของร่างกาย ความตายจึงเป็นจุดจบ ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ ไม่มีชีวิตหลังความตาย
ในสายตาของผู้ที่เชื่อว่าวิญญาณและร่างกายไม่ได้ถูกสร้างโดยพระเจ้า ความตายจะเป็นเพียงช่องทางในการกลับมาเกิดในร่างใหม่ ซึ่งอาจจะดีกว่าหรือด้อยกว่าร่างเก่า
สำหรับความเชื่อแรก ชีวิตคือจุดจบในตัวเอง มนุษย์ที่มีความเชื่อเช่นนั้นจะต้องดิ้นรนพยายามเพื่อแสวงหาความรื่นเริงบันเทิงใจจากชีวิตนี้ให้มากเท่าที่จะทำได้ สิ่งอำนวยความสะดวกทางร่างกายทุกอย่างที่เป็นไปได้จะต้องหามา แม้ว่าคนอื่นจะต้องเจ็บปวดก็ตาม ทัศนคติที่เป็นวัตถุนิยมนี้จะไม่เหลือช่องว่างไว้สำหรับความเห็นอกเห็นใจ, ความเอื้อเฟื้อ, ความเมตตา หรือความรู้สึกเห็นแก่ผู้อื่น เช่นการหักห้ามใจ การให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าตัวเอง เพราะว่านี่คือชีวิตเดียวที่เขามี ยิ่งกว่านั้น เขาไม่ต้องถูกสอบสวนคิดบัญชีสำหรับการกระทำใดๆ ของเขาหลังจากที่เขาตายไป ดังนั้น ทำไมเขาจึงจะต้องทนทุกข์เพื่อเห็นแก่ผู้อื่นด้วยเล่า?
แต่ทว่า เรามักจะได้ยินผู้นำคอมมิวนิสต์เคี่ยวเข็ญประชาชนให้หักห้ามใจตัวเอง ให้เสียสละความสะดวกสบายเพื่อเห็นแก่เพื่อนร่วมชาติของพวกเขา แต่พวกเขาไม่ได้สำนึกว่าความเสียสละตนเองเพื่อ “สิ่งที่สูงส่งกว่า” นี้ ไม่ได้เดินร่วมทางกันได้กับทฤษฎีวัตถุนิยมที่ว่าด้วยการ “ไม่มีพระเจ้า, ไม่มีวิญญาณ, และไม่มีชีวิตหลังความตาย” สังคมในอุดมคติ(ยูโทเปีย) ที่ลัทธิคอมมิวนิสต์เรียกหานี้จะไม่เป็นรูปธรรมขึ้นมาได้ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือ ทฤษฎี “ชีวิตหนึ่งและชีวิตเดียว” นี้ จะไม่เหลือที่ว่างไว้ให้ใครยอมสละความสะดวกสบายของตัวเองเพื่อเห็นแก่ผู้อื่นได้เลย
ทฤษฎีหลังที่เชื่อว่าชีวิตจะกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งแล้วครั้งเล่านี้ สอนให้มีความเชื่อว่าสภาพร่างกายที่มนุษย์เกิดมานี้ เป็น “ผล” (รางวัลหรือการลงโทษ) จากการกระทำของเขาในชีวิตจากชาติปางก่อน และด้วยเหตุนี้เขาจึงควรที่จะยอมรับมันด้วยความอ่อนน้อมและยอมจำนนโดยไม่มีความพยายามที่จะพัฒนาแก้ไขชะตาของเขา (ถ้าหากความยากจนเป็นผลมาจาก “กรรม” ที่ทำไว้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรในการพยายามแก้ไขมัน? มนุษย์จะเอาชนะพรหมลิขิตได้อย่างไร?) ความเชื่อเช่นนี้อาจจะดีต่อการปกครองระบอบชนชั้น แต่ไม่ใช่สำหรับมวลมนุษย์ที่ถูกกดขี่ทั่วโลก
เช่นนั้นแล้ว ความตายคืออะไร? ยกตัวอย่างเช่น การย้ายตะเกียงจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง สมมติว่ามีกระท่อมหลังหนึ่งที่มีรูหลายรู ถ้ามีตะเกียงใบหนึ่งอยู่ในนั้น แสงของมันจะส่องออกมาจากรูเหล่านั้น เช่นเดียวกัน ตราบใดที่ตะเกียงแห่งวิญญาณยังคงอยู่ในร่างกาย มันจะแสดงความมีอยู่ของมันให้รู้ผ่านจากแสง ซึ่งปรากฏออกมาจากอวัยวะต่างๆ เช่นตาและหู เป็นต้น แต่ทันทีที่ตะเกียงแห่งวิญญาณนี้ย้ายออกไปจากร่างกาย การปรากฏทั้งหมดของมันก็จะสิ้นสุดลง นี่คือความตาย เป็นเพียงตัวอย่างคำอธิบายเท่านั้น
ตอนต่อไปเราจะสืบหาการชี้นำจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องสำหรับปริศนานี้
Source: maaref-foundation.com