“ฆอดีร” ในสุนทรพจน์ของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ)

374

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ผู้ทรงเมตากรุณาปรานีนิรันดร ขอความจำเริญแห่งวันอีดนี้ จงประสบแด่ประชาชาติผู้ถูกกดขี่ทั้งหลาย

ข้าพเจ้าคงไม่สามารถกล่าวอะไรเกี่ยวกับความสูงส่งของท่านอะมีรุลมุอ์มีนีน อิมามอะลี (อ) ได้ และไม่ว่าใครก็ตามก็ไม่สามารถที่จะกล่าวถึงบุคลิกภาพของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ การกล่าวถึงหรือแสดงทัศนะในมิติต่างๆ ของผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้นั้น อยู่เหนือการกล่าวถึงหรือสาธยายจากมนุษย์ธรรมดาเช่นพวกเรา

บุคคลหนึ่งซึ่งเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ เป็นมนุษย์ผู้ซึ่งได้สำแดงคุณลักษณะ และพระนามต่างๆ ของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ออกมา ในมิติต่างๆ ของท่าน ท่านอิมามอะลี (อ) คือตัวอรรถาธิบายพระนามต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้ามากมายถึงหนึ่งพันพระนาม และเราเองแม้เพียงหนึ่งพระนามก็ยังไม่สามารถสำแดงออกมาได้

อิมามอะลี (อ) คือผู้ซึ่งมีบุคลิกภาพที่ตรงกันข้าม ภารกิจที่ตรงกันข้ามทั้งหมดถูกรวมไว้ในตัวของท่าน (บุคลิกภาพที่ตรงกันข้ามที่อิมามอะลี (อ) มีในที่นี้หมายถึง บางบุคลิกของอิมามอะลี (อ) คือความอ่อนน้อมถ่อมตน ท่านจะร้องให้อย่างฟูมฟายในขณะที่เข้าสู่การเคารพภักดีพระผู้เป็นเจ้า ท่านจะน้ำตานองหน้าเมื่อเห็นเด็กๆ กำพร้าไม่มีผู้อุปการะ และอีกบุคลิกของท่านอิมามอะลี (อ) คือความดุดัน ท่านจะมีความเด็ดเดี่ยวฟาดฟันศัตรูเมื่ออยู่ในสมรภูมิรบ ท่านอิมามอะลี (อ) จะมีความดุดันเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้กดขี่ และศัตรูของอิสลาม ความอ่อนน้อม และความดุดัน สองบุคลิกภาพที่ตรงข้ามกัน มีอยู่ในตัวของท่านอิมามอะลี (อ) ซึ่งมนุษย์ธรรมดาน้อยคนไม่สามารถที่จะมีบุคลิกที่ตรงข้ามกันเช่นนี้ได้ในคนเดียวกัน : ผู้แปล) ดังนั้นไม่มีใครจะสามารถกล่าวถึงบุคลิกภาพที่แท้จริงของอิมามอะลี (อ) ได้เลย

ด้วยเหตุนี้เอง ข้าพเจ้าจึงขอเป็นผู้นิ่งเงียบเสียดีกว่าต่อเรื่องดังกล่าวนั้น แต่ทว่ามีเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่เราสมควรพูดถึงเป็นอย่างยิ่ง คือการเบี่ยงเบนต่างๆ ที่บังเกิดขึ้นแก่ประชาชาติทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อบรรดาชีอะฮ์ของท่านอิมามอะลี (อ) เองมาอย่างยาวนานในหน้าประวัติศาสตร์ และเมื่อเร็วๆ นี้ในหลายปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงเรื่องราวเหล่านี้

เหตุการณ์ “ฆอดีร” มิได้เป็นเรื่องราวหนึ่งซึ่งเป็นชีวิต เป็นลมหายใจสำหรับท่านอิมามอะลี (อ) และจะนำมาซึ่งปัญหาหนึ่งแก่ท่านอิมามอะลี (อ) เนื่องจากว่าอิมามอะลี (อ) คือที่มาของ “ฆอดีร” การมีอยู่ของท่านอิมามอะลี (อ) คือแหล่งกำเนิดของทุกๆ มิติอยู่แล้ว และ “ฆอดีร” ก็บังเกิดขึ้นด้วยการมีอยู่ของอิมามอะลี (อ) “ฆอดีร” มิได้มีคุณค่าใดสำหรับท่านอิมามอะลี (อ) สิ่งที่มีคุณค่ายิ่งคือตัวของท่านอิมามอะลี (อ) เอง “ฆอดีร” จึงเป็นเพียงแค่ผลผลิตหนึ่งจากคุณค่าของท่านอิมามอะลี (อ) เท่านั้นเอง

พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) พระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง พระผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง ซึ่งในบรรดามนุษยชาติภายหลังจากการหวนคือสู่พระองค์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) จะไม่มีผู้ใดสามารถที่จะมีความยุติธรรมได้ตามพระประสงค์ของพระองค์ เขาจะทำไปตามความพึงพอใจของตนเท่านั้น พระองค์จึงได้มีบัญชามายังท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ให้แต่งตั้งบุคคลผู้นี้ ซึ่งมีคุณสมบัติพร้อม และสามารถดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบในสังคม และจะก่อตั้งรัฐบาลแห่งพระผู้เป็นเจ้าได้ในที่สุด

การแต่งตั้งท่านอิมามอะลี (อ) ให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเป็นผู้นำประชาชาติ มิได้แต่งตั้งเพื่อให้ท่านอิมามอะลี (อ) มีตำแหน่งที่สูงส่งทางด้านจิตวิญญาณ ความสูงส่งทางด้านจิตวิญญาณของท่านอิมามอะลี (อ) ต่างหากที่ได้ให้กำเนิด “ฆอดีร” ขึ้นมา

ในรายงานต่างๆ ของเรานับแต่ยุคสมัยนั้น จะกระทั่งเดี่ยวนี้ ได้มีการยกย่องให้เกียรติต่อ “ฆอดีร” อย่างมากมาย แต่นั่นมิได้เป็นการบ่งบอกถึงความสำคัญของการปกครองแต่ประการใด การปกครองคือสิ่งซึ่งท่านอิมามอะลี (อ) ได้เคยกล่าวแก่อิบนิอับบาสในครั้งหนึ่งว่า “สำหรับฉัน การปกครองนั้นไม่ได้มีค่ามากไปกว่ารองเท้าแตะคู่หนึ่ง” สิ่งซึ่งมีคุณค่า คือการยืนหยัดอยู่บนความยุติธรรม สิ่งซึ่งท่านอิมามอะลี (อ) และลูกลานของท่านประสงค์ที่สุดหากมีโอกาส คือการยืนหยัดอยู่บนความยุติธรรมเพื่อความพึงพอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้า แต่ทว่าพวกท่านเหล่านั้นไม่มีโอกาส

ดังนั้นการรักษาไว้ซึ่ง “อีดฆอดีร” มิได้หมายถึงรักษาไว้เพื่อประดับประดาโคมไฟที่สวยงามเมื่อถึงวันครบรอบวันอีด และรักษาไว้เพื่อกล่าวบทกวีเพียงเท่านั้น สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำที่ดี แต่ทว่าสาระสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น สาระสำคัญของ “ฆอดีร” คือต้องทำความเข้าใจว่า “ฆอดีร” มิได้ถูกเฉพาะไว้สำหรับยุคหนึ่งยุคใดเท่านั้น “ฆอดีร” จำเป็นต้องมีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย และแบบฉบับซึ่งท่านอิมามอะลี (อ) ได้ปฏิบัติในการปกครอง จำเป็นจะต้องเป็นนำมาเป็นแบบฉบับของประชาชาติต่างๆ และผู้บริหารต่างๆ ทั้งหลาย

เหตุการณ์ “ฆอดีร” คือเหตุการณ์แห่งการสถาปนาการปกครอง การปกครองนี้เองซึ่งคู่ควรแก่การแต่งตั้ง ความสูงส่งทางด้านจิตวิญญาณมิใช่เรื่องของการแต่งตั้ง ไม่มีความสูงส่งทางด้านจิตวิญญาณใดจะได้มาด้วยการแต่งตั้ง ทว่าตำแหน่งอันสูงส่งทางด้านจิตวิญญาณของท่านอิมามอะลี (อ) มีมาก่อนแล้ว และเป็นความสูงส่งทางด้านจิตวิญญาณที่สมบูรณ์แบบซึ่งมีสำหรับอิมามอะลี (อ) เท่านั้น เพราะตำแหน่งที่ท่านอิมามอะลี (อ) มี ท่านจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครอง

ด้วยเหตุนี้เองเราจะเห็นได้ว่า การถือศีลอด การนมาซ และอื่นๆ ผู้ที่นำมาบริหารคือ ผู้ปกครอง “วิลายะฮ์” ผู้ปกครองหนึ่งซึ่งอยู่ในรายงาน “ฆอดีร” ซึ่งมีความหมายในแง่ของการปกครอง มิได้หมายถึงตำแหน่งทางด้านจิตวิญญาณ และนั่นคือตัวตนของท่านอิมามอะลี (อ) ซึ่งข้าพเจ้าได้เคยกล่าวไปแล้วเกี่ยวกับโกงการต่างๆ ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งได้ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมากมายในวาระโอกาสที่แตกต่างกัน ซึ่งขณะก็ได้มีการรวบรวมเป็นรูปเล่มบ้างแล้ว

ท่านอิมามอะลี (อ) คือผู้ที่มีตำแหน่งทางด้านจิตวิญญาณที่สูงส่ง ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ก็เช่นเดียวกัน ท่านเหล่านั้นมีการพัฒนาไปตามขั้นตอน มีการสลายตัวตนต่อพระผู้เป็นเจ้า กลายเป็นส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า และได้มีอำนาจการปกครองอยู่บนพื้นพิภพนี้ พวกท่านเหล่านั้นคือสิ่งมีอยู่ที่บริสุทธิ์ยิ่ง และเป็นบ่าวสุดที่รักของพระผู้เป็นเจ้า

ด้วยเหตุนี้เอง เราจำเป็นต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่า “ฆอดีร” มิใช่สิ่งที่จะนำมาซึ่งตำแหน่งทางด้านจิตวิญญาณแก่ท่านอิมามอะลี (อ) และไม่ได้เป็นบ่อเกิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดแก่ท่านอิมามอะลี (อ) เลยแม้แต่น้อย ท่านอิมามอะลี (อ) ต่างหากที่ได้สร้าง “ฆอดีร” ขึ้นมา ตำแหน่งอันสูงส่งทางด้านจิตวิญญาณของท่านอิมามอะลี (อ) ที่ได้ให้กำเนิด “ฆอดีร” ขึ้นมา ด้วยการที่พระองค์ทรงแต่งตั้งท่านอิมามอะลี (อ) ให้เป็นผู้ปกครองมนุษยชาติในวันอีด “ฆอดีร” นั่นเอง

ซัยยิด รูฮุลลอฮ์ อัลมุซาวีย์ อัลโคมัยนี

แปลและเรียบเรียงโดย เชคมาลีกี ภักดี