เดือนรอมฎอน คือเดือนพิเศษสำหรับมนุษย์ที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ได้หยิบยื่นให้กับบ่าวของพระองค์
เดือนรอมฎอน เป็นเดือนเดียวที่พระองค์ได้เชิญบ่าวของพระองค์เป็นแขกของพระองค์ตลอดทั้งเดือน
พระองค์ได้ทรงเปิดโอกาสให้บ่าวต่างๆ ของพระองค์ได้ใช้เวลาพิเศษเพื่อความใกล้ชิดกับพระองค์ให้มากที่สุดในเดือนนี้ โดยการวางโปรแกรมต่างๆ อย่างมากมายเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหาร การอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และอื่นๆ
ตลอดระยะเวลาสามสิบวัน มนุษย์ที่ศรัทธาต่อพระองค์จะละวางจากทุกสิ่งทุกอย่างแห่งโลกดุนยา ในช่วงกลางวันมนุษย์จะต้องงดการกินการดื่ม และในเวลากลางคืนจะอยู่ต่อหน้าพระพักต์พระองค์เพื่อการเคารพภักดีพระองค์
และรวมถึงภารกิจอื่นๆ ที่บ่าวของพระองค์ได้ปฏิบัติในเดือนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคทาน การอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน การช่วยเหลือคนยากคนจน เด็กกำพร้า ทั้งสิ้นล้วนเป็นการพัฒนาตัวตนให้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น
จิตวิญญาณของมนุษย์ที่อยู่ในข้อบังคับของพระองค์อย่างเคร่งครัดในเดือนนี้ จะนำไปสู่การมีจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ และมุ่งสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
โปรแกรมต่างๆ เหล่านี้ที่ได้ตระเตรียมไว้ ในเดือนที่พิเศษ ล้วนมีเป้าหมายและปรัชญาทั้งสิ้น อาหารการกิน การดื่ม ความอยาก ความใคร่ และทุกเรื่องในโลกนี้ล้วนเป็นม่านที่จะมาบดบัง ฟิตเราะฮ์ (ธรรมชาติ ธาตุแท้) ของมนุษย์ทั้งสิ้น
ฟิตเราะฮ์ คืออะไร?
ฟิตเราะฮ์ คือ รากฐานหนึ่งของศาสนาอิสลาม ฟิตเราะฮ์คือสิ่งพิเศษสุดแห่งการสรรค์สร้างของพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเป็นมนุษย์ หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ต้องการ พระองค์ได้ทรงสร้างแก่มนุษย์ทั้งสิ้นแล้ว
ฟิตเราะฮ์ของมนุษย์ มนุษย์สามารถสำผัสได้เองทุกคน ไม่ต้องเรียนรู้จากใคร หรือมีประสบการณ์จากที่ใด แต่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้แก่มนุษย์ทุกคนแล้ว มนุษย์จะรู้จักฟิตเราะฮ์ของตัวเองได้ ก็เมื่อมนุษย์ได้พิจารณาไปยังส่วนลึกของหัวใจตัวเอง ที่มันกำลังเรียกร้องมนุษย์ไปสู่สัจธรรม และเรียกร้องมนุษย์ไปสู่พระเจ้าพระผู้ทรงสร้าง และพระผู้ทรงเมตตา
ฟิตเราะฮ์ คือรัสมีหนึ่งที่จะนำมนุษย์ไปสู่พระผู้เป็นเจ้า โดยไม่ต้องมีอะไรเป็นสื่อ และไม่ต้องมีพยานใดๆ มารับรอง
ฟิตเราะฮ์ในอัลกุรอาน
ดังนั้น เจ้าจงผินหน้าของเจ้าสู่ศาสนาที่เที่ยงแท้ (จงให้ความบริสุทธิ์ใจต่อศาสนาของเขาเพื่ออัลลอฮฺ ตะอาลา อย่างแท้จริง และผินหลังให้กับศาสนาจอมปลอม) (โดยเป็น) ธรรมชาติของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการสร้างของอัลลอฮฺ นั่นคือศาสนาอันเที่ยงตรง แต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้ (บทอัรรูม โองการที่ 30)
อิมามซอดิก (อ) ได้ตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อมีผู้หนึ่งได้ถามแก่ท่านถึง “ความหมายของคำว่า “ฟิตเราะตัลลอฮัลละตีย์ ฟะตอร้อลนาส คืออะไร? ว่า “อัตเตาฮีด” (ความเป็นเอกภาพของพระองค์) ฟิตเราะฮ์ คือการรู้จักพระองค์อย่างแท้จริง ฟิตเราะฮ์คือการเข้าสู่ความเป็นเอกภาพของพระองค์เดียวนั่นเอง
อีกโองการหนึ่งเมื่อมนุษย์ตกอยู่ในสภาพของการโดดเดี่ยว และกำลังจะเข้าสู่ความตายในไม่ช้า ฟิตเราะฮ์ของเขาจะนำเขาเข้าสู่พระองค์ในทันทีด้วยโดยปราศจากสื่อใดๆ
ดังนั้นเมื่อพวกเขาขึ้นขี่เรือ พวกเขาวิงวอนต่ออัลลอฮ์เป็นผู้บริสุทธิ์ใจในการขอพรต่อพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้ขึ้นบก แล้วพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระองค์ (บทอัลอังกาบูต โองการที่ 65)
คุณสมบัติต่างๆ ของฟิตเราะฮ์
-ฟิตเราะฮ์จะมาตอนมนุษย์ถือกำเนิด โดยไม่ต้องเรียนรู้
-ฟิตเราะฮ์จะมีความมั่นคงนิรันดร
-ฟิตเราะฮ์จะมีอยู่ตลอดกาล
-ฟิตเราะฮ์คือสิ่งบริสุทธิ์ และเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า
ประเภทของฟิตเราะฮ์
-ฟิตเราะฮ์อักลีย์ (ฟิตเราะฮ์แห่งสติปัญญา) และ ฟิตเราะฮ์เดลีย์ (ฟิตเราะฮ์แห่งจิตใจ)
ฟิเราะฮ์อักลีย์ หมายถึงการพิสูจท์ด้วยสติปัญญา ซึ่งเมื่อมนุษย์ได้ใช้สติปัญญาใคร่ครวญด้วยเหตุผล และพยานหลักฐาน มนุษย์ได้เข้าสู่สารัตถะแห่งการสร้างว่าโลกใบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีผู้สร้างมันขึ้นมา และผู้สร้างคือพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงปรีชาสามารถเท่านั้น ฟิตเราะฮ์นี้ไม่จำเป็นต้องมีอาจารย์ในเรียนรู้ แต่มนุษย์มีความจำเป็นต่อฟิตเราะฮ์แห่งจิตใจเข้ามาเป็นตัวช่วย
หมายความว่า เมื่อมนุษย์ได้พิจารณาให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้แห่งจิตวิญญาณ เขาจะเห็นรัศมีแห่งพระผู้เป็นเจ้า เขาจะรู้จักพระองค์ด้วยตาใจ และจะนำเขาไปสู่พระองค์ในที่สุด คือเขารับรู้ภายใต้จิตสำนึกของเขาเอง
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมนุษย์มองเห็นดอกไม้ที่สวยงาม มนุษย์จะเข้าถึงความสวยงามของดอกไม้โดยไม่ต้องพิสูทจ์สิ่งใด
ดังนั้นเดือนรอมฎอน จึงเป็นโอกาสทองสำหรับมนุษย์ทุกคนที่จะปลุกให้ฟิตเราะฮ์ของตนเอง ที่ถูกปกปิดด้วยความผิดบาปมายาวนานถึงสิบเอ็ดเดือน ได้ส่องแสงอีกครั้ง เป็นโอกาสเดียวที่มนุษย์จะสามารถชำระล้างความมืดมนที่แปดเปื้อนอยู่บนฟิตเราะฮ์ของตนเอง
และหากผู้ศรัทธาคนใดสามารถชำระล้างมลทินต่างๆ ได้ เมื่อฟิตเราะฮ์ของเขาส่องแสงมีชีวิตอีกครั้ง เมื่อสิ้นเดือนรอมฎอน เขาก็จะได้พบกับอีดที่แท้จริงอย่างแน่นอน
และวันอีด จริงๆ แล้วคือวันซึ่งการหวนกลับคืนสู่สิ่งหนึ่ง ซึ่งสิ่งนั้นได้ถูกพรากไปแสนไกลนัก นั่นหมายความว่า เมื่อเดือนรอมฎอนจากไป เสียงเรียกร้องแห่งฟิตเราะฮ์สู่ความเป็นเอกภาพของพระองค์จะเข้ามามีบทบาทอีกครั้งหนึ่งในจิตวิญญาณ
การพัฒนาจิตวิญญาณของมนุษย์ในเดือนรอมฎอน จะนำมนุษย์ออกม่านต่างๆ ที่ปกปิดอยู่ และนำมนุษย์สู่ฐานภาพที่สูงส่ง
นั่นหมายความว่า ฟิตเราะฮ์แห่งการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ถูกปลุกชีวิตอีกครั้ง และนำมนุษย์สู่การมีวิญญาณที่บริสุทธิ์
และหากมนุษย์คนใดสามารถพัฒนาตนเองไปสู่จุดนั้นได้ นั่นหมายความว่าเขาได้มีชัยชนะเหนือซาตานแห่งอารมณ์ฝ่ายต่ำของตนเองแล้ว และมุ่งสู่อีดฟิตเราะฮ์ที่แท้จริง
ท่านอิมามอะลี (อ) ได้กล่าวว่า “วันอีดนี้ เป็นวันอีดสำหรับผู้ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ได้ทรงตอบรับการถือศีลอดของเขา และขอบพระทัยการนมาซของเขาเท่านั้น และในทุกๆวันซึ่งไม่มีการกระทำบาป (ขัดขืนพระบัญชา) นั่นคือวันอีด” «انما هو عید لمن قبل الله صیامه و شکر قیامه و کل یوم لایعصی الله فهو عید»
อีดฟิตร์ คือวันแห่งการได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของซาตานมารร้าย
อีดฟิตร์ คือวันแห่งการได้รับรางวัลของชาวรอมฎอนที่แท้จริง
อีดฟิตร์ คือวันแห่งการมุ่งหาพระผู้เป็นเจ้าอย่างบริสุทธิ์ใจ
ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่กำลังมุ่งสู่พระผู้เป็นเจ้า ด้วยการหวนกลับคืนสู่ฟิตเราะฮ์ของตนเองอีกครั้งหนึ่ง