เราแสดงความโศกเศร้าเสียใจในวันครบรอบสี่สิบวันหรืออัรบาอีน เพื่อเป็นการแสดงถึงการสิ้นสุดวาระสี่สิบวันแห่งความโศกเศร้าของการครบรอบวันชะฮาดัต(พลีชีพในหนทางศาสนา) ของอิมามฮุเซน บิน อะลี(อ) อิมามท่านที่สามจากลูกหลานผู้บริสุทธิ์ของศาสดามุฮัมมัด(ศ.)
เลขสี่สิบมีความลึกลับอยู่ในตัว ตามวัฒนธรรมคำสอนของอิสลามแล้ว ถ้าผู้ใดปฏิบัติการกระทำที่ดีอย่างหนึ่งให้ต่อเนื่องในระยะเวลาสี่สิบวัน มันจะกลายเป็นคุณลักษณะที่ติดตัวเขา และจะนำไปสู่ความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ ในบางศาสนา การสวดขอพรสี่สิบวันสี่สิบคืนมีความสำคัญเป็นพิเศษ
เมื่อศาสดามูซา(อ.) ขอพรสี่สิบคืน ท่านมีความสามารถได้ยินพระดำรัสของพระผู้เป็นเจ้า
“และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้สัญญาแก่มูซาไว้สี่สิบคืน แล้วพวกเจ้าได้ยึดถือลูกวัวตัวนั้นหลักจากเขา และพวกเจ้านั้นคือผู้อธรรม” (อัล-กุรอาน 2/51)
ศาสดามุฮัมมัด(ศ.) กล่าวว่า
“ถ้าบุคคลหนึ่งอุทิศตนต่อพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นเป็นเวลาสี่สิบวัน ความฉลาดรอบรู้จะพรั่งพรูออกมาจากคำพูดของเขา”
การที่ครอบครัวรำลึกถึงในวันที่สี่สิบของการกระทำใดๆ และบริจาคทานนั้น เป็นประเพณีปฏิบัติโดยทั่วไปในหมู่ชาวมุสลิมบางกลุ่ม วันที่สี่สิบของการเป็นชะฮีด(พลีชีพเพื่อศาสนา)ของอิมามฮุเซน(อ.) เรียกว่า อัรบาอีน ในวันนี้ชีอะฮฺจะรำลึกถึงการปฏิวัติของอิมามฮุเซน สี่สิบวันนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสมสำหรับมุสลิมที่จะเพิ่มพูนความรักต่ออิมามฮุเซน(อ.) และเพิ่มพูนความเกลียดชังต่อบรรดาผู้ล้อมสังหารท่าน สี่สิบวันที่ต่อเนื่องมาจากวันอาชูรอจนกระทั่งถึงวันอัรบาอีนนั้น ยังเป็นพิธีการสากลที่ประกาศถึงความรังเกียจต่อบรรดาผู้กดขี่ในหน้าประวัติศาสตร์อีกด้วย
ในวันอัรบาอีนครั้งแรกนั้น ญาบิร อิบนฺ อับดุลลอฮฺ และ อาติฮฺ อูฟี คือบุคคลแรกที่ได้ไปเยี่ยมคารวะหลุมฝังศพของอิมามฮุเซน(อ.) บางรายงานกล่าวว่า ครอบครัวของอิมามฮุเซน(อ.) ที่ถูกจับเป็นเชลยได้เยี่ยมคารวะหลุมฝังศพของของบรรดาชะฮีด(ผู้พลีชีพเพื่อศาสนา) แห่งวันอาชูรอ ในระหว่างเดินทางกลับมะดีนะฮฺจากเมืองชาม(ซีเรียปัจจุบัน)
อิมามฮุเซน(อ.) ได้สละชีวิตของท่านเองร่วมกับบรรดาลูกหลานและญาติสนิทของท่านเพื่อรักษาศาสนาอิสลามให้ดำรงอยู่ต่อไป
Source : www.tebyan.net