ความสิ้นหวังคือบาปใหญ่

184

การหมดสิ้นความหวัง ท้อแท้ จนตรอก แสดงถึงการมองข้ามความเมตตาของอัลลอฮฺไป ผู้ศรัทธาที่แท้จริงจะต้องไม่หมดสิ้นความหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันและจนมุมสักเพียงใดก็ตาม ผู้ที่ไม่ศรัทธาในพลัง ความเมตตาและอำนาจของอัลลอฮฺจะเกิดความรู้สึกหมดสิ้นความหวังขึ้นในจิตใจ ในอัล-กุรอาน อัลลอฮฺได้แยกประเภทคนเช่นนี้ว่าเป็นกาฟิร(ผู้ปฏิเสธศรัทธา)

“…และพวกเจ้าอย่าสิ้นหวังต่อความเมตตาของอัลลอฮ์ แท้จริงไม่มีผู้ใดสิ้นหวังต่อความเมตตาของอัลลอฮ์ นอกจากหมู่ชนผู้ปฏิเสธ” (ยูซุฟ 12 / 87)

บรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์แห่งอะฮฺลุลบัยตฺ(อ) อิมามญะอฺฟัร ศอดิก(อ.), อิมามมูซา กาซิม(อ.), อิมามมุฮัมมัด ตากี(อ.) ได้จัดให้ “ความสิ้นหวังต่อความเมตตาของอัลลอฮฺ” เป็นบาปใหญ่อย่างหนึ่ง

ความสิ้นหวังเป็นบาปใหญ่รองจากการ “ตั้งภาคี”

นอกจากการ “ตั้งภาคี” แล้ว ไม่มีอะไรที่จะเป็นบาปใหญ่ไปกว่าการหมดสิ้นความหวังต่อความเมตตากรุณาของอัลลอฮฺ ลักษณะเช่นนี้ลดสภาพมนุษย์ลงไปถึงระดับของการจนตรอกสิ้นคิดอย่างสุดขีด เขาคิดว่าถึงอย่างไรชะตากรรมของเขาก็คือไฟนรก เพราะฉะนั้นเขาจึงมองไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะต้องทำความดีและหลีกเลี่ยงความชั่ว และด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามบรรลุถึงความพึงพอใจทางโลกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เป็นบาปอื่นๆ ทั้งหมดก็จะทำ บาปประเภทอื่นๆ สามารถได้รับการอภัยโทษได้หากเขาสำนึกผิด แต่ผู้ที่หมดสิ้นความหวังไม่สมควรได้รับการอภัยเพราะสภาพจิตใจของคนเช่นนั้นจะไม่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสำนึกผิดได้ แต่ตรงข้าม มันกลับจะยิ่งทำให้เขากระทำการละเมิดฝ่าฝืนพระบัญชาของอัลลอฮฺอยู่เรื่อยไป

ยาบำบัดความสิ้นหวัง

1. อำนาจของอัลลอฮฺ

การสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอำนาจและอภิบาลบริหารสากลจักรวาลอันกว้างใหญ่ รวมถึงโลกและชั้นฟ้าทั้งเจ็ด พระองค์ทรงกำหนดระเบียบแบบแผนให้แก่ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ทั้งหลาย และไม่มีใบไม้แม้แต่ใบเดียวที่จะร่วงหล่นลงได้โดยไม่ได้รับการอนุมัติจากพระองค์ พระองค์ทรงทำในสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเราจะไม่สามารถเติมเต็มความจำเป็นยากแค้นของสิ่งถูกสร้างของพระองค์กระนั้นหรือ พระองค์ทรงทำได้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น จะเป็นการบังควรแล้วหรือที่เราจะหมดสิ้นความหวัง

2. ประสบการณ์ของตัวเอง

เราต้องคิดใคร่ครวญถึงความโปรดปรานอย่างมากมายที่อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่เราในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเราคิดไปเองว่าเป็นความสามารถของเรา พระผู้อภิบาลของเราได้นำเราออกมาจากความมืดมิดในครรภ์มารดาอย่างปลอดภัย พระองค์ทรงหยั่งรู้ถึงความจำเป็นของเรา และพระองค์ทรงรู้ในสิ่งเหล่านี้ดีกว่าตัวเราเอง และทรงเติมเต็มสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้แก่เราโดยที่เราไม่ต้องร้องขอ พระองค์ทรงช่วยเหลือเราให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันตราย และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มาหลายครั้ง พระองค์ทรงประทานความโปรดปรานทั้งทางร่างกาย วัตถุ จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ จนทำให้เราเป็นคนที่มีความมั่นใจจะยืดหยัดเป็นตัวเป็นตนอยู่ถึงตอนนี้ แล้วทำไมเราจึงต้องหมดสิ้นความหวังด้วยเล่า? พระองค์ไม่ทรงรับรู้ถึงสถานะของเราหรือ? พระองค์ทรงรอบรู้อย่างแน่นอน

3. ตัวอย่างภายนอก

ศึกษาสำรวจดูสถานการณ์ของบุคคลอื่นที่เขาประสบกับความยากลำบากแสนสาหัสกว่าเรา แต่สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยความหวังอย่างเปี่ยมล้นในความเมตตากรุณาของพระผู้อภิบาล เช่น ศาสดาอิบรอฮีม(อ.) เมื่อถูกโยนลงในกองไฟ และเมื่อต้องลงมีดเชือดคอบุตรชายของตัวเอง, มารดาของศาสดามูซา(อ.) เมื่อต้องปล่อยให้ลูกลอยไปตามกระแสน้ำโดยมอบหมายต่อความเมตตาของอัลลอฮฺเพียงอย่างเดียว และอิมามฮุเซน(อ.) พร้อมครอบครัวและสาวกในสิบวันแห่งมุฮัรรอม

อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ทรงเรียกร้องให้มนุษย์ทั้งหลายหันมาหาพระองค์ และแสวงหาการอภัยโทษต่อความบาปของพวกเขา ไม่มีเหตุผลอะไรที่บ่าวของอัลลอฮฺจะหมดสิ้นความหวังในความเมตตาของพระองค์

“จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย! บรรดาผู้ละเมิดต่อตัวของพวกเขาเอง พวกท่านอย่าได้หมดหวังต่อพระเมตตาของอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงอภัยความผิดทั้งหลายทั้งมวล แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ” (อัซ-ซุมัร 39/53)

Source : www.momin.com