ซัยยิดญะวาด อามีลี นักวิชาการระดับสูงคนหนึ่งกำลังรับประทานอาหารค่ำอยู่ มีคนมาเคาะประตูบ้าน เมื่อเขาไปเปิดดูจึงได้พบว่า คนรับใช้ของอายาตุลลอฮฺ ซัยยิด มะฮฺดีย์ บะฮฺรุล อุลูม ซึ่งเป็นอาจารย์ของเขาได้มาหา และกล่าวว่า “อาจารย์ของท่านได้เชิญให้ท่านไปหาที่บ้านเดี๋ยวนี้เลยครับ ท่านอาจารย์กำลังนั่งรอรับประทานอาหารอยู่ และบอกว่าจะไม่ทานอะไรจนกว่าจะได้พบกับท่านครับ”
โดยไม่รอช้า ซัยยิดญะวาดเลิกรับประทานอาหารค่ำของเขาแล้วรีบไปยังบ้านพักของซัยยิดบะฮฺรุล อุลูม ในทันที เมื่อเขาเข้าไปภายในบ้าน ก็พบว่าอาจารย์ของเขากำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยความไม่พอใจ และพูดว่า “ซัยยิดญะวาด คุณไม่เกรงกลัวอัลลอฮฺบ้างเลยหรือ? และคุณไม่รู้สึกละอายใจต่ออัลลอฮฺเลยกระนั้นหรือ?”
สิ่งนี้เป็นเสมือนสายฟ้าฟาดลงมาบนตัวเขา เพราะเขานึกไม่ออกว่าเคยทำอะไรที่สร้างความโกรธเคืองให้แก่อาจารย์ของเขาถึงขนาดนี้ เขาจึงถามด้วยความไม่แน่ใจว่า “ท่านอาจารย์ครับ ผมทำอะไรผิดหรือครับ?”
“เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ที่เพื่อนบ้านของคุณ และครอบครัวของเขาอยู่โดยไม่มีข้าวหรือแป้งสำหรับทำอาหาร พวกเขาซื้ออินทผลัมจากร้านค้าด้วยการลงบัญชีค้างชำระเอาไว้ก่อนมาหลายวันแล้ว และวันนี้เจ้าของร้านไม่ยอม
ให้เขาลงบัญชีไว้อีกแล้ว เขาจึงกลับบ้านมือเปล่า และครอบครัวของเขาก็ไม่มีอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว” ซัยยิดมะฮฺดีย์พูด
ซัยยิดญะวาดถึงกับตะลึง “ยาอัลลอฮฺ” เขาอุทาน “ผมไม่รู้เรื่องนี้เลย”
“นั่นแหละที่ทำให้ผมไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง คุณไม่เอาใจใส่ต่อเพื่อนบ้านอย่างนี้ได้อย่างไร? เจ็ดวันแล้วที่ผ่านไปอย่างยากลำบากสำหรับพวกเขา แล้วคุณบอกผมว่าคุณไม่รู้เรื่องอะไรเลย นี่ถ้าคุณรู้เรื่องนี้แล้วยังเฉยเมยไม่สนใจเขาอยู่อีกละก็ คุณก็เท่ากับไม่ได้เป็นมุสลิมอีกต่อไปแล้ว” ซัยยิดมะฮฺดีย์ว่ากล่าวตักเตือน
หลังจากนั้นซัยยิดมะฮฺดีย์ ได้แนะนำให้เขาเอาอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปให้แก่เพื่อนบ้าน “นั่งรับประทานอาหารร่วมกับเขาด้วย เพื่อเขาจะได้ไม่รู้สึกละอายใจ และนำเงินจำนวนนี้ไปให้เขาไว้ใช้จ่ายสำหรับอนาคต วางมันไว้ใต้เบาะหรือพรมที่นั่ง เพื่อเขาจะได้ไม่รู้สึกเสียเกียรติ และมาบอกให้ผมรู้ด้วยเมื่อคุณทำธุระเรื่องนี้เสร็จแล้ว เพราะผมจะไม่ทานอะไรจนกว่าเรื่องนี้จะเสร็จสิ้นลง”