วันนั้นตรงกับวันที่ 4 เดือนชะอฺบาน ปีฮ.ศ.26 ในเมืองมะดีนะฮ์ ชายคนหนึ่งวิ่งมายังมัสญิดของท่านศาสดาด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาพบกับอิมามอะลี(อ.) จึงรีบเข้าไปหาแล้วบอกกับท่านว่า “ฉันมีข่าวดีมาบอกท่าน” ชายคนนี้คือกัมบารฺ คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของอิมามอะลี(อ.)
“ฉันมาจากบ้านของท่านเพื่อบอกกับท่านว่า อัลลอฮ์(ซ.บ.) ทรงประทานบุตรชายอีกคนหนึ่งให้แก่ท่านแล้ว ฉันมาแจ้งข่าวดีนี้กับท่าน และจะถามว่าท่านจะตั้งชื่อเขาว่าอะไร”
ความปิติยินดีฉายขึ้นในแววตาของอิมามอะลี(อ.) ท่านยิ้มและกล่าวว่า “เด็กคนนี้มีสถานะสูงส่ง ณ อัลลอฮ์ ฉันจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ฉันจะตั้งชื่อลูกชายคนนี้ว่า อับบาส ตามชื่อลุงของฉัน”
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเชื่อว่าการสืบทอด การศึกษา และสิ่งแวดล้อมรอบตัว มีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมบุคลิกภาพของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ ท่านอับบาส(อ.) เจริญเติบโตขึ้นมาภายใต้สภาวะพิเศษ
ท่านเติบโตขึ้นภายในบ้านที่การตกแต่งประดับประดาทางโลกไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยแสงแห่งพระผู้เป็นเจ้าและความรักต่อมวลมนุษย์และคุณค่าภายในของเขา ท่านเติบโตขึ้นร่วมกับพี่ชายที่มีเกียรติเป็นหลานชายทั้งสองของท่านศาสดา คืออิมามฮะซัน(อ.) และอิมามฮุเซน(อ.) ท่านเจริญเติบโตขึ้นมาภายในครอบครัวที่ท่านศาสดา(ศ.) ได้ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮ์(ซ.บ.) ให้ประสบแก่พวกเขา บ้านหลังนี้เป็นสถานที่แห่งความหวังและที่พึ่งจากโลกนี้
อิมามอะลี(อ.) ชอบปลูกอินทผลัมแล้วเก็บผลของมันไปให้คนยากจน ท่านอับบาส(อ.) ได้รับคุณสมบัติข้อนี้มาจากบิดาของท่านเช่นเดียวกับที่ได้รับจากพี่ชายทั้งสองของท่าน คือิมามฮะซัน(อ.) และอิมามฮุเซน(อ.) ด้วยเหตุนี้ เพียงไม่นาน ท่านก็ได้ประดับตัวเองด้วยคุณลักษณะที่สูงสุดของมนุษย์ ชีวิตของท่านอับบาส(อ.) เต็มไปด้วยความรู้และความรัก
ท่านเป็นคนฉลาดมีความรู้ มีรูปร่างสูงใหญ่ มีใบหน้าหล่อเหลางดงามจนได้รับฉายานามว่า “กอมัร บะนีฮาชิม” ซึ่งหมายถึง “ดวงจันทร์แห่งตระกูลบะนีฮาชิม” และที่สำคัญท่านเป็นคนกล้าหาญสมกับเป็นบุตรชายของอิมามอะลี(อ.) ท่านยังเป็นคนสุภาพและอดทน ทำให้นึกถึงคำพูดของอิมามอะลี(อ.) ที่กล่าวว่า ไม่มีมรดกใดมีค่ามากไปกว่าความสุภาพ
ท่านอับบาส(อ.) ไม่เคยนั่งลงก่อนได้รับอนุญาตเมื่ออยู่ต่อหน้าอิมามฮะซัน(อ.) และอิมามฮะเซน(อ.) พี่ชายของท่านเลย ท่านให้ความเคารพต่อสถานะอันสูงส่งของพี่ชายของท่านในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดจากบิดาของท่าน และเป็นผู้สืบทอดอำนาจที่ถูกต้องของท่านศาสดา(ศ.) ท่านเป็นผู้มีความรู้และมีวิทยปัญญาจนถึงระดับที่บรรดาผู้รู้ในยุคของท่านต้องอ่อนน้อมต่อท่าน ท่านอับบาส(อ.) ฉายแสงแห่งความกล้าหาญและองอาจเคียงข้างอิมามอะลี(อ.) ผู้เป็นบิดาของท่านมาตั้งแต่ท่านยังเยาว์วัย
ในระหว่างสงครามซิฟฟีนที่เป็นการต่อสู้กับมุอาวียะฮ์ อิบนฺ อบูซุฟยาน เจ้าเมืองผู้คิดก่อการกบฏ เมื่อฝ่ายศัตรูปิดกั้นเส้นทางน้ำจากค่ายของมุสลิม ท่านอับบาส(อ.) ซึ่งอยู่ในวัยรุ่นตอนต้นได้เข้าร่วมสงครามครั้งนี้ด้วย โดยใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าของท่านไว้ มุอาวียะฮ์ได้สั่งให้อะบู ชาซา นักรบผู้ทรงพลังคนหนึ่งเข้าเผชิญหน้ากับท่าน
นักรบจากซีเรียผู้หยิ่งผยองกล่าวว่า “ผู้คนเขาเปรียบเทียบความองอาจของข้ากับทหารม้าหนึ่งพันคน แต่ตอนนี้ท่านต้องการจะให้ข้าต่อสู้กับเด็กตัวแค่นี้หรือ?” อะบูชาซาจึงส่งบุตรชายคนเล็กของเขาออกมา แต่เพียงไม่นานบุตรชายของเขาก็ถูกสังหาร ดังนั้นอะบูชาซาจึงส่งบุตรชายอีกคนออกไป แต่เขาต้องประหลาดใจเพราะบุตรชายคนนี้ของเขาก็ถูกสังหารอีก อะบูชาซาโกรธจนเดือดดาล เขาชักดาบออกมาแล้วเข้าสู่สนามการต่อสู้แบบประลองตัวต่อตัวเพื่อแก้แค้นให้แก่บุตรชายสองคนของเขา แต่เด็กหนุ่มคนนี้องอาจกล้าหาญอย่างมากจนสามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างรวดเร็ว
ทหารในกองทัพของมุสลิมที่จับตามองการต่อสู้นี้ต่างแสดงความดีใจและรู้สึกประหลาดใจในความกล้าหาญองอาจของเด็กหนุ่มใต้ผ้าคลุมหน้าคนนี้ อิมามอะลี(อ.) เรียกเด็กหนุ่มคนนี้เข้ามาแล้วดึงผ้าคลุมหน้าของเขาออก ทุกคนจึงได้เห็นว่า เด็กหนุ่มที่กล้าหาญคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นเลย แต่เป็นท่านอับบาส(อ.) นั่นเอง
Source : tebyan.net