เหตุผลประการหนึ่งที่ศาสนาอิสลาม เรียกร้องให้มุสลิมมีความรักต่อวงศ์วานอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ก็เนื่องจากเหตุผลเดียวเท่านั้น คือในการจะ “เปลี่ยนแปลง” สำหรับมนุษยชาตินั้น ไม่มีพลังใดๆ แล้ว ที่จะเข้มแข็ง และเข้มข้นไปมากกว่า “ความรัก”
แม้กระทั่ง “พลังแห่งความศรัทธา” ก็ยังแพ้ “อานุภาพแห่งความรักนี้” และด้วยเหตุนี้เอง ศาสนาอิสลามจึงเรียกร้องความรัก จากบรรดามุสลิมให้มีต่อบรรดาวงศ์วานอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ภายหลังจากมีความศรัทธาต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) และศาสดาของพระองค์แล้ว
เพราะด้วย “ความรัก” เท่านั้น ที่จะนำมาซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ท่านชะฮีด อายะตุลลอฮ์ มุเฏาะฮ์ฮารีย์ ได้อธิบายไว้ในหนังสือ”วินิจฉัยคุณลักษณะของอะลี บิน อะบีฏอลิบ (อ)” ว่า “สิ่งอ่อนแอที่สุด จะกลับกลายเป็นสิ่งที่เข้มแข็งที่สุด ก็ด้วย… ความรัก”
เป็นหนึ่งในคำอธิบายถึงความหมาย และนิยามของความรัก ท่านได้ยกตัวอย่างกรณีของไก่ ซึ่งเป็นสัตว์ประเภทหนึ่งที่อ่อนแอที่สุด เกือบจะไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ให้กับมนุษย์ได้ เมื่อเราเข้าใกล้มันก็จะกระโดดหนีทันทีด้วยความหวาดกลัว
ทว่าไก่ตัวเดียวกันนี้ เมื่อได้ฟักไข่ของมันออกมาเป็นลูกเจี๊ยบ และเมื่อมันได้นำลูกน้อยออกเขี่ยดิน ไก่ตัวนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นไก่อีกตัวหนึ่งทันที ที่พร้อมจะโจมตีทุกสรรสิ่ง แม้แต่มนุษย์ก็ตาม โดยไม่คิดว่ามันจะแพ้หรือชนะ มันคิดอยู่อย่างเดียวคือ ปกป้องลูกน้อยของมันเท่านั้น และมันจะไม่หยุดการโจมตีจนกว่าเราจะหยุดการรุกราน ที่ไก่ตัวนี้เปลี่ยนไป ก็เพราะ “ความรัก” ต่อลูกเจี๊ยบของมัน จากไก่ที่ขี้ขลาดหวาดกลัว กลายเป็นไก่ที่กล้าหาญ
ดังนั้นความรักของมนุษย์ที่มีต่อบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) จะต้องพิสูจน์มากกว่า “ไก่” จึงเรียกว่า “รัก”
และตราบใด ความรักที่แท้จริงต่อบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ยังไม่เกิดขึ้น ถือว่ามนุษย์ยังไม่ประสบความสำเร็จต่อการเป็นมนุษย์ ความรักที่ไม่สามารถ “ปฏิวัติตัวตน” ได้ สิ่งนั้นไม่ใช่ความรักที่แท้จริง เพราะสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ความรัก คือ “การเปลี่ยนแปลง” สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์คำว่า “รัก” ได้ คือ “การปฏิวัติตัวตน”
ดังนั้นมุสลิมจึงมีหน้าที่พิสูจน์ความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ) และแน่นอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีขั้นตอน มีระดับชั้น จะต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีมนุษย์คนใดที่อยู่เฉยๆ แล้วจะมีความรักต่อบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) และได้เป็นชะฮีด (พลีในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า”
ความรักเริ่มต้นที่การร่วมมัจญลิศ เริ่มต้นที่ความรู้ เสียสละเวลา เสียสละทรัพย์สินเงินทองไปในแนวทางของอัลลอฮ์ (ซ.บ) และเข้าสู่การพลีชีวิตเพื่อพิสูจน์ความรักขั้นสุดท้าย ดังนั้นการเข้าใจเนื้อหาวีรกรรมแห่ง “กัรบะลาอ์” คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้มนุษย์นั้นได้เข้าใจนิยามอย่างแท้จริงว่า “ความรักที่อัลลอฮ์ (ซ.บ) เรียกร้องจากมนุษย์นั้นเป็นแบบไหน และเช่นไร?” เหตุเพราะกัรบะลาอ์นั้น คือเวทีแห่งการพิสูจน์ความรัก
ท่านอิมามฮูเซน (อ) พิสูจน์ความรักที่มีต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ส่วนบรรดาสาวกของท่านอิมามฮูเซน (อ) ก็ได้พิสูจน์ความรักที่มีต่ออิมามฮูเซน (อ) และแน่นอนว่านั่นก็คือการพิสูจน์ความรักที่มีต่ออัลลอฮ์ (ซ.บ) เพราะไม่ได้หมายความว่ารักอิมามฮูเซน (อ) และจะไม่รักพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ)
แต่หากยิ่งรักอิมามฮูเซน (อ) มากเท่าใด ก็เท่ากับว่ายิ่งรักอัลลอฮ์ (ซ.บ) มากขึ้นเท่านั้น เพราะความรักอันนี้ ความรักที่มีต่ออิมามฮูเซน (อ) คือสิ่งที่พระองค์เรียกร้องจากมนุษย์
ถ้าหากเรามีความรักต่อสิ่งที่ถูกเรียกร้องให้รักมากเท่าใด เท่ากับว่า เรามีความรักต่อผู้เรียกร้องมากเท่านั้น ดังนั้น “กัรบะลาอ์” จึงเป็นสนามสุดท้ายในการพิสูจน์ความรักที่มนุษย์สามารถจะกระทำได้
กัรบะลาอ์ ไม่ใช่สมรภูมิรบ แต่ กัรบะลาอ์ คือแผ่นดินแห่งการพิสูจน์ความรัก
กัรบะลาอ์ ไม่ใช่สนามรบ แต่ กัรบะลาอ์ คือสถานที่แห่งการเริงรัก
กัรบะลาอ์ และอาชูรอ คือบทพิสูจน์ “ความรัก”
โดย ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี