ผู้วางรากฐานแห่งการรำลึกเหตุการณ์แห่งกัรบะลาอ์

137

บรรดา อิมามมะอ์ซูม (อ) คือผู้วางรากฐานการรำลึกนี้เอาไว้อย่างสมบูณณ์แบบ ทั้งในคำสั่งเสีย ทั้งการรำลึกในเชิงการปฏิบัติจากบรรดาท่านอิมามหลายท่านก็มีอย่างมากมายเช่น เดียวกันในหลายวาระโอกาส อาธิเช่น อิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) อิมามท่านที่สี่ของเรา ตลอดระยะเวลากว่ายี่สิบห้าปีในรายงานได้บันทึกว่า ท่านอิมาม (อ) ไม่เคยหยุดร้องไห้แม้แต่วันเดียว ต่อการแสดงความโศรกเศร้าต่อเหตุการณ์ในกัรบะลาอ์

ไม่มีแม้สักวัน เดียวในชีวิตของท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) หลังจากเหตุการณ์ที่กัรบะลาอ์ ที่ท่านจะไม่ร้องไห้ต่ออิมามฮูเซน (อ) ไม่มีสักวาระโอกาสที่จะทำให้ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) ลืมท่านอิมามฮูเซน (อ) ยกตัวอย่างเช่นในช่วงแห่งการเข้าเฝ้าพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ซึ่งการสุญูดที่ดีที่สุด คือการสุญูดบนดินกัรบะลาอ์ และเมื่อท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) มองเห็นดินที่จะใช้เพื่อก้มลงสุญูดต่อพระองค์ ท่านจะร้องให้ ท่านจะหลั่งน้ำตาออกมา บางรายงานบันทึกว่าท่านร้องให้จนสลบ และต้องปฏิบัติวุฎุอ์ใหม่อีกรอบ บรรดาสาวกได้ถามต่อท่านว่า “โอ้อิมามทำไมท่านอิมามต้องร้องให้อย่างมากมายเช่นนั้นด้วย?” ท่านอิมาม (อ) ได้ตอบว่า “เมื่อฉันได้เห็นดินกัรบะลาอ์ ภาพต่างๆ ที่ฉันเคยได้เห็นในแผ่นดินกัรบะลาอ์ก็จะปรากฏขึ้นทันที”

ในบางรายงานบันทึก ว่า ทุกครั้งเมื่อมีคนนำน้ำมาให้ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) เพื่อดื่ม พอท่านได้หยิบแก้วน้ำขึ้นมาเพื่อที่จะดื่มน้ำ ท่านก็จะร้องให้ และเมื่อบรรดาสาวกได้ถามถึงเหตุผลของการร้องให้ ท่านอิมาม (อ) ได้ตอบว่า “น้ำนี้แหละ ที่บิดาของฉัน พี่น้อง ลูกหลานของฉันถูกห้ามไม่ให้ดื่มที่แผ่นดินกัรบะลาอ์เป็นเวลาหลายวัน”

ในบางรายงานบันทึกอีก ว่า หลายครั้งเมื่อท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) เดินไปตามท้องถนน เมื่อท่านเห็นบางคนกำลังจะเชือดแพะ หรือแกะ เพื่อทำบุญ ท่านอิมาม (อ) จะรีบไปจับมือของคนเชือดก่อนที่คมมีดจะลงไปบนคอของแพะ แกะเหล่านั้น และบอกว่า “ช้าก่อนอย่าเพิ่งเชือด” ทุกคนก็ถามว่า “มีอะไรหรือ?” ท่านอิมาม (อ) ได้ตอบว่า “ฉันแค่อยากจะถามว่าท่านได้ให้สัตว์ตัวนี้ดื่มน้ำหรือยัง?” คนเชือดก็ตอบว่า “เราให้มันดื่มเรียบร้อยแล้ว เพราะเรารับรู้ถึงสุนนะฮ์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) นี้ดียิ่ง ว่าก่อนการเชือดสัตว์ มุสตะฮับให้สัตว์ดื่มน้ำเสียก่อน”

ท่านอิมามซัยนุลอา บิดีน (อ) จึงได้กล่าวขึ้นว่า “แพะเอ๋ย เจ้าช่างโชคดีเสียเหลือเกิน เจ้าเป็นเพียงแพะเจ้ายังได้ดื่มน้ำก่อนที่เขาจะเชือดเจ้า แต่บิดาของฉันอิมามฮูเซน (อ) พี่น้อง และลูกหลานของฉันผู้เป็นลูกหลานของศาสดามุฮัมมัด (ศ) ถูกเชือดที่แผ่นดินกัรบะลาอ์ในสภาพที่หิวและกระหายน้ำที่สุด”

ตัวอย่างที่ยกมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ต้องการชี้ให้เห็นว่า การรำลึกทุกเวลาในทุกช่วงชีวิตของมนุษย์นั้น เป็นคำสั่งเสียของบรรดาอิมามมะอ์ซูม (อ) ทุกคน ในรูปแบบต่างๆ ที่ต่างกัน ท่านอิมามซัยนุลอาบิดีน (อ) ได้บริจาคเงินจำนวนมากในการจัดมัจญลิศเพื่อรำลึกถึงเรื่องราวแห่งกัรบะลาอ์

มีรายงานหนึ่งจาก อิมามริฎอ (อ) อีกว่า “ถ้าคิดว่าจะต้องร้องให้กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดแล้ว เก็บน้ำตาไว้ร้องให้กับฮูเซนเถิด” ถ้าเกิดมีเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในชีวิตของเจ้า ที่จะทำให้เจ้าต้องร้องให้ ก็จงเก็บน้ำตาของเจ้าเอาไว้ แล้วร้องให้กับอิมามฮูเซน (อ) วจนะนี้ของท่านอิมามริฎอ (อ) ต้องการสื่อให้มนุษย์ได้เข้าใจว่า ภายหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันอาชูรอแล้ว มนุษย์ไม่สมควรที่จะเสียน้ำตาเพื่อสิ่งอื่นใดอีกแล้ว ไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้ร้องให้ เมื่อพ่อแม่ หรือลูกๆ เสียชีวิต แต่ผู้ที่พัฒนาตัวตนไปสู่ขั้นหนึ่งแล้ว เขาจะไม่ร้องให้แก่สิ่งใดอีกแล้วนอกจากอิมามฮูเซน (อ)

ในโลกนี้น้ำตาของ มนุษย์มันมีค่ามากกว่าที่จะหลั่งให้กับบ้านที่ถูกไฟไหม้ หรือหลั่งให้กับผู้ที่ตายจากเขาไป แต่สำหรับผู้ที่พัฒนาตัวตนเท่านั้น ซึ่งมีให้เห็นอย่างมากมายในบรรดาอุลามาอ์ของพวกเรา ยกตัวอย่างท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ซึ่งคนใกล้ชิดคนหนึ่งของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ได้นำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง

อิมามโคมัยนี (ร.ฮ) เป็นผู้ที่มีความรักต่อบุตรชายของท่านอย่างมาก และ “ชะฮีดซัยยิดมุสตอฟา” ก็เป็นบุตรชายคนหนึ่งที่ท่านรักมาก ความรักที่ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) มีต่อ “ชะฮีดซัยยิดมุสตอฟา” นั้นมากมายถึงขั้นที่ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ได้เคยกล่าวว่า “นี่คือผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านตัวจริง” ผู้ใกล้ชิดอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) บางคนได้กล่าวว่าท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) รักชะฮีดซัยยิดมุสตอฟา แบบแปลกผิดปกติธรรมดา อาธิเช่นเวลาที่บุตรคนนี้ของท่านจะเดินท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) จะลุกขึ้นประคับคองแม้ว่าบุตรชายของท่านจะมีอายุสามสิบกว่าปีแล้วก็ตาม ชี้ให้เห็นถึงความรักของท่านที่มีต่อบุตรชายคนนี้ของท่าน

ชะฮีดซัยยิดมุสต อฟา เป็นนักปราชญ์ นักตัฟซีร นักเคลื่อนไหว นักการเมือง นักการศาสนาที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่งตั้งแต่อายุเยาว์วัย ท่านคือผู้หนึ่งที่เป็นผู้ก่อตั้งขบวนการฮิซบุลลอฮ์ในประเทศเลบานอน ซึ่ง ณ วันนี้เป็นเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่สำหรับชีอะฮ์ทั่วทั้งโลก ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) จึงรักและทนุถนอมบุตรชายคนนี้ของท่านอย่างมาก

และแล้วในวันหนึ่ง “ชะฮีดซัยยิดมุสตอฟา” ถูกวางยาพิษในประเทศอิรัก ในเวลานั้นทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ต่างคิดว่า หากท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ได้รับข่าวการเสียชีวิตของบุตรชายของท่านคนนี้ ท่านต้องตกใจและเป็นลมช๊อคอย่างแน่นอน เนื่องจากความรักที่อิมามมีต่อบุตรคนนี้ของท่าน

แต่เมื่อมีคนไป แจ้งข่าวการถูกวางยาพิษของ “ชะฮีดซัยยิดมุสตอฟา” เมื่อท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ได้ยินท่านได้กล่าวขึ้นเพียงคำสั้นๆ ว่า “อินนาลิ้ลลาฮ์ วาอินนาอิลัยฮิรอญิอูน”

พ่อบ้านของท่านอิ มามโคมัยนี (ร.ฮ) ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นได้เล่าให้ฟังว่า “สิ่งที่แปลกที่สุดคือ เมื่อท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ได้ยินข่าว ไม่เห็นแม้แต่รอยเปลี่ยนบนสีหน้าของท่านอิมามเลยสักนิดเดียว” ซึ่งโดยปกติแล้วมนุษย์ทุกคนจะมีสีหน้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละเหตุการณ์ เช่นถ้าโกรธสีหน้าจะแดง ถ้าตกใจสีหน้าจะซีด แต่ในวันนั้นอาการตกใจ อาการเสียใจไม่ได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) เลยแม้แต่น้อย

นั่นคือผู้ที่เขา พัฒนาตนเองไปสู่จุดซึ่ง น้ำตาของเขาจะไม่หลั่งลงเพื่อสิ่งใดอีกแล้ว ภายหลังจากเหตุการณ์ในวันอาชูรอได้เกิดขึ้น แม้ว่าบุตรชายสุดที่รักจากไป แต่เมื่อถึงเวลาที่ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) จะร้องให้ท่านเพียงแค่ได้ยินชื่อของอิมามฮูเซน (อ) น้ำตาของท่านรินไหลออกจากสองดวงตาของท่านในทันที นี่คือบุคลิคภาพของมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถสถาปนารัฐอิลามขึ้นบนโลกนี้

เมื่อชีวิตของ มนุษย์พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ไม่ได้สร้างมาเพื่อสิ่งที่ไร้สาระ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นองค์ประกอบในร่างกายของมนุษย์ เช่นน้ำตา ก็ต้องไม่หลั่งลงสำหรับสิ่งที่ไร้สาระเช่นเดียวกัน น้ำตาต้องถูกหลั่งออกมาในเรื่องราวของพระผู้เป็นเจ้า ในเรื่องราวของศาสนาของพระองค์ ร้องไห้กับศาสดาของพระองค์ ร้องให้กับบรรดาอิมามของพระองค์ และสุดยอดของการร้องไห้ก็คือการร้องไห้ในเรื่องราวของอิมามฮูเซน (อ) นั่นคือเป้าหมายของการสร้างน้ำตาให้กับมนุษย์ของพระองค์