เดือนมุฮัรรอม คือเดือนแห่งการรำลึกถึงวีรกรรม มุฮัรรอม และกัรบะลาอ์ไม่ใช่พิธีกรรม แต่คือวีรกรรม
“มัจญลิศ” คือการรวมตัวกันของประชาชนในสถานที่หนึ่งเพื่อการประกอบศาสนกิจทางศาสนา “มัจญลิศมุฮัรรอม” คือการ่วมรำลึกถึงวีรกรรมแห่งกัรบะลาอ์ ซึ่งการร่วมรำลึกนี้นั้น คือเรื่องที่สำคัญยิ่ง และการได้รับเตาฟีกเท่านั้นจึงสามารถที่จะเข้าร่วมในการรำลึกถึงวีรกรรม เหล่านี้ได้ เตาฟีกของการได้รับบัตรเชิญจากบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) เท่านั้น ดังนั้นในเดือนนี้บรรดาผู้ที่ได้สวมชุดดำ ได้เข้าร่วมรำลึกถึงวีรกรรมร่วมไว้อาลัย เขาพึงรู้ไว้ว่าบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ได้เชิญชวนพวกเขาเข้าสู่การรำลึกนั้น
วีรกรรมแห่งกัรบะ ลาอ์ และอาชูรอ คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอิสลาม สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของมนุษย์ เดือนมุฮัรรอม คือเดือนที่ทำให้ผู้ที่มีความหวาดกลัว กลายเป็นผู้กล้าหาญ เดือนที่จะมอบสิ่งต่างๆ อย่างมากมายแก่ผู้แสวงหาด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น
แต่ก่อนอื่นเราจะ ต้องทำความเข้าเนื้อหาต่างๆ ของการเข้าสู่เดือนนี้เสียก่อน ถึงแม้ว่าเราจะกลายเป็นแขกที่มีเกียรติของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ในเดือนนี้ แต่ทว่าการเป็นแขกของผู้ใดผู้หนึ่ง โดยเฉพาะการเป็นเขกของอิมามฮูเซน (อ) ก็ต้องมีมารยาทต่างๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งแขกทุกคนต้องปฏิบัติเมื่อเป็นเขกของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ)
เริ่มตั้งแต่ “มัจญลิศ” คือมัจญลิศอะไร? “เจ้าภาพ” ของงานคือใคร? ผู้เข้าร่วมงานต้องปฏิบัติตัวเช่นไร? ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่นหากเราไปร่วมในงานสมรส และเราไปนั่งร้องให้ฟูมฟาย แสดงความโศรกเศร้าเสียใจ แน่นอนว่าทุกคนต้องกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เรานั้นคือผู้ที่ไม่ปกติ และไม่รู้กาลาเทศะ
และเมื่อเรามา พิจารณา เราก็จะทราบว่า ไม่มีมัจญลิศใดอีกแล้ว ที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่ามัจญลิศนี้ มัจญลิศที่พูดถึงความยิ่งใหญ่ของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ผู้ซึ่งการปฏิบัติตามพวกเขาคือสิ่งจำเป็นเฉกเช่นเดียวกับการปฏิบัติตามท่าน ศาสดามุฮัมมัด (ศ) และพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ)
มัจญลิศการรำลึก ถึงท่านอิมามฮูเซน (อ) และบรรดาสหายผู้กล้าของอิมามฮูเซน (อ) พวกเราทุกคนที่มาเป็นแขกในมัจญลิศมุฮัรรอม ทุกคนต้องรู้ระเบียบของผู้เข้าร่วมในมัจญลิศ เพื่อที่เราจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการร่วมรำลึก และผู้ที่ได้วางระเบียบในการเข้าร่วมในงานรำลึกเหล่านี้ ก็คือบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ)
ระเบียบต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่ระบบระเบียบที่มนุษย์คนใดคิดขึ้นมา หรือแม้แต่บรรดาอุลามาอ์ก็ไม่ได้เป็นผู้ตั้งมันขึ้นมา แต่มันคือคำสั่งเสียต่างๆ ที่มาจากบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ที่ได้มีมายังพวกเราเพื่อการวางตัว และปฏิบัติในเดือนนี้ ผู้ที่วางรากฐานที่แท้จริงคือ ตัวเทนของพระผู้เป็นเจ้า บรรดาอุลามาอ์ คือผู้ที่มาอธิบายให้เราได้เข้าใจเท่านั้นเอง ดังนั้นผู้ใดที่ปฏิบัติตามคำสั่งเสียต่างๆ ของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) มากเท่าไหร่ในเดือนนี้ บุคคลนั้นก็จะได้รับความบะรอกัต (ความสิริมงคล) จากเดือนนี้มากเท่านั้น
รายงานหนึ่งซึ่งมี บันทึกไว้ ซึ่งรายงานโดยอิมามญะวาด (อ) ว่า “เมื่อจันทร์เสี้ยวของเดือนมุฮัรรอมปรากฏ นับแต่วินาทีนั้นฉันก็จะไม่เห็นรอยยิ้มของท่านพ่อของฉัน (อิมามริฎอ) ตลอดทั้งเดือน” นั่นคือวจนะสั้นๆ ของท่านอิมามญะวาด (อ) ซึ่งเป็นคำสั่งเสียหนึ่งแก่พวกเราชีอะฮ์ทั้งหลาย
หากเราพิจารณาสัก นิด เราก็จะทราบว่าเหตุการณ์แห่งกัรบะลาอ์ กับสมัยของท่านอิมามริฎอ (อ) นั้น ห่างกันกว่าหนึ่งร้อยปี แต่การรำลึกถึงเหตุการณ์นั้นในหัวใจของบรรดาอิมามมะอ์ซูม (อ) ยังคงเข้มข้นในการไว้อาลัยต่อเหตุการณ์นั้นตลอดเวลา
ดังนั้นพวกเราทั้ง หลายที่กำลังประกาศว่าเป็นชีอะฮ์ของอิมามฮูเซน (อ) แน่นอนในการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเราต้องมีการยุแหย่ของมารร้ายตลอดเวลา และภารกิจของมารร้ายก็คือ ลวงล่อมนุษย์ให้หลงลืมพระผู้เป็นเจ้า และเมื่อมนุษย์หลงลืมพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ก็จะหลงลืมในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ลืมภารกิจหน้าที่ของตัวเองที่มีต่อศาสนา
วจนะสั้นๆ ของท่านอิมามญะวาด (อ) ต่อการปฏิบัติตนเมื่อเดือนมุฮัรรอมมาเยือนของท่านอิมามริฎอ (อ) ได้ทำให้พวกเราต้องพึงสังวรไว้ว่า พวกเราต้องให้เกียรติเดือนมุฮัรรอมให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะจะต้องไม่มีจากชีอะฮ์ของฮูเซนตลอดทั้งเดือนนี้ถ้ากระทำได้ แต่บางครั้งเราอาจจะลืมตัวไปบ้าง เนื่องจากว่ามนุษย์อยู่ในวังวนแห่งการลืมตัวอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเราหัวเราะ แต่เรารู้สึก เรานึกขึ้นได้ว่าเรากำลังอยู่ในเดือนมุฮัรรอม เราก็จงหยุดเสียทันที
ในเรื่องของการ หัวเราะเรามีรายงานวจนะหนึ่งของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ว่า “ในทุกๆ หลังจากการหัวเราะจงกล่าวว่า อัสตัฆฟิรุลลอฮ์” แต่วจนะนี้ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) มีสำหรับทุกๆ การหัวเราะในทุกๆ เดือนไม่ได้เจาะจงสำหรับเดือนมุฮัรรอม เนื่องจากการหัวเราะอย่างมากมายจะทำให้หัวใจของมนุษย์ดื้อด้าน เพราะส่วนมากของการหัวเราะล้วนมาจากความสนุกสนานทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าการหยุด หัวเราะในเดือนมุฮัรรอมจะเป็นสิ่งที่ปฏิบัติยาก แต่ชีอะฮ์ของอิมามฮูเซน (อ) ก็ควรที่จะพยายามหยุดยั้งให้ได้ และถ้าหากเราลืมตัว เราก็ควรที่จะกล่าวว่า “อัสตัฆฟิรุลลอฮ์” ตามวจนะของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) เสียทันที คำสั่งเสียต่างๆ มีอีกมากมายในการปฏิบัติตัวในเดือนนี้ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังการปฏิบัติตัวให้มาก ชีวิตปกติของพวกเราต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกียรติต่อท่านอิมามฮูเซน (อ)
การจัดกิจกรรม ต่างๆ ที่นำไปสู่ความรื่นเริง หรือแม้แต่การเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆ ที่นำมาซึ่งความสนุกสนานรื่นเริงในเดือนนี้จะต้องไม่มีสำหรับชีอะฮ์ของอะฮ์ ลุลบัยต์ (อ) เพราะความสนุกสนานเหล่านั้นจะนำพามนุษย์ให้ออกห่างจากความบะราอกัต (ความสิริมงคล) ของเดือนนี้ และจะทำให้มนุษย์ออกห่างจากการรำลึกที่แท้งจริง น้ำตาเพียงหยดเดียวที่รินไหลออกมาจากหัวใจ จากความรักที่มีต่อท่านอิมามฮูเซน (อ) หรือมีต่อบรรดาผู้พลีในแผ่นดินกัรบะลาอ์อย่างบริสุทธิ์ มีรายงานยืนยันอย่างมากมายว่า น้ำตาหยดนั้นเพียงพอที่จะดับไฟนรกได้
ดังนั้นในเดือนมุ ฮัรรอมนี้ตั้งแต่วันที่หนึ่งถึงวันที่สิบ หลายคนที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในมัจญลิศน้ำตาสักหยดก็ไม่ได้หลั่งออกมาจากดวง ตาของเขาก็เป็นไปได้ เหตุผลหนึ่งที่เขาไม่สามารถหลั่งน้ำตาออกมาได้ คือความกระด้างที่มีอยู่ในหัวใจของเขา ในขณะที่เขากำลังนั่งอยู่ในมัจญลิศมุฮัรรอมถึงสิบวันสิบคืน แต่เขาก็ไม่ได้ขัดเกลาความกระด้างที่มีอยู่ในหัวใจของเขาเลยสักนิด จึงต้องทำให้เขาเข้าไม่ถึงแก่นแท้ของการรำลึกที่แท้จริง เขาไม่สามารถรับรู้ถึงความโศรกเศร้าของเดือนนี้ได้ เขาก็ได้แค่เป็นผู้เข้าร่วมมัจญลิศ แต่ไม่ได้เป็นผู้ขัดเกลาหัวใจที่แท้จริง
“มัจญลิศ” แท้จริงแล้วก็เป็นแค่องค์ประกอบที่สำคัญหนึ่ง เป็นตัวช่วยในการพัฒนาชีวิตของเราเท่านั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้เราได้เข้าใจเป้าหมาย เข้าใจว่าทำไมเดือนนี้เราจึงต้องรำลึก ต้องไว้อาลัย และต้องโศรกเศร้าเท่านั้นเอง
“มัจญลิศ” เป็นตัวช่วยหนึ่งที่สำคัญยิ่งในการเข้าใจถึงเป้าหมายต่างๆ ของศาสนา ดังนั้นเมื่อมัจญลิศจบ ไม่ได้หมายความว่าภารกิจของเราก็จบตามไปด้วย แต่ทว่าเมื่อมัจญลิศจบ เราต้องมีความเปลี่ยนแปลงใจชีวิตประจำวันของเรา
ถ้าหากว่าชีวิต หลังการจบจากมัจญลิศต่างๆ ของศาสนา ยังคงเหมือนเดิม การเข้าร่วมรำลึกถึงอิมามฮูเซน (อ) การเข้าร่วมไว้อาลัยความโศรกเศร้าในมัจญลิศมุฮัรรอม เมื่อจบจากมัจญลิศเหล่านั้น เรายังคงเป็นผู้ที่สนุกสนานรื่นเริงเช่นเดิม นั่นหมายถึงเรายังไม่ได้กลายเป็นผู้ร่วมรำลึก ผู้ไว้อาลัยที่แท้จริงประการใด การเข้าร่วมในมัจญลิศอีกหมื่นล้านมัจญลิศก็ไม่สามารถสร้างประโยขน์อะไรแก่ เราได้
เป้าหมายของมัจญลิศ คือการสร้างความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ให้อยู่กับเราตลอดไป คือการสร้างมนุษย์ มัจญลิศไม่ใช่พิธีกรรม
การรำลึกถึงเหตุ การณ์แห่งกัรบะลาอ์ต้องมีอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรา มิใช่ถูกเฉพาะไว้แค่ในมัจญลิศเมื่อเดือนมุฮัรรอมมาเยือนเท่านั้น การหลั่งน้ำตาแก่เรื่องราวของท่านอิมามฮูเซน (อ) ต้องมีอยู่ทุกเวลา บรรดาอุลามาอ์ของพวกเราจะหลั่งน้ำตาออกมาทุกครั้งแค่เพียงได้ยินนามของท่าน อิมามฮูเซน (อ) เนื่องจากว่าเขาคือผู้ที่มีความรักต่ออิมามฮูเซน (อ) อย่างแท้จริง เขาเข้าใจเป้าหมายของท่านอิมามฮูเซน (อ) เป็นน้ำตาแห่งความโศรกเศร้าที่แท้จริง
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ได้เคยกล่าวว่า “แท้จริงการสังหารฮูเซนนั้น เป็นความร้อนรุ่มหนึ่งที่อยู่ในหัวใจของผู้ศัทธา และจะไม่มีวันดับจนกระทั่งถึงวันกิยามัต” ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถมาดับความร้อนรุ่ม ความโศรกเศร้าที่เรามีต่ออิมามฮูเซน (อ) ได้ ความรู้สึกเหล่านี้จะคงมีอยู่ในดวงใจของผู้ศัทธาตลอดกาล
ดังนั้นเป้าหมาย ที่แท้จริงของมัจญลิศ คือการเข้าสู่การทำความเข้าใจถึงเป้าหมาย และความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ให้คงอยู่ในหัวใจของเราตลอดกาล ขออย่าให้การรำลึกถึงอิมามฮูเซน (อ) มีแต่เพียงในเดือนมุฮัรรอม และในมัจญลิศเพียงเท่านั้น จงทำให้ความรู้สึกการรำลึกถึงอิมามฮูเซน (อ) อยู่ในจิตวิญญาณของเราตลอดไป