การฟิตนะฮ์ (ความโกลาหลวุ่นวายอันเกิดมาจากความขัดแย้ง)

218

ฉันได้ถามแก่อิมามอะลี (อ) ว่า “ในช่วงที่เกิดการฟิตนะฮ์ (ความโกลาหลวุ่นวายอันเกิดจากความขัดแย้ง) และในระหว่างที่ผู้ปฎิเสธกำลังทำสงคราม และอยู่ในความไม่สงบ เราควรจะวางตัวเช่นไร? เนื่องจากว่าไม่ว่ากลุ่มใดเขาก็ต้องการผลประโยชน์จากเราทุกกลุ่ม ในสถานการณ์เช่นนี้เราควรอยู่เช่นไร?”

อิมามอะลี (อ) ได้ตอบแก่ฉันว่า “การเผชิญหน้ากับการฟิตนะฮ์ หรือผู้ที่สร้างฟิตนะฮ์ จะต้องวางตัวเช่นลูกอูฐที่มีอายุสองปีซึ่งไม่มีหลังให้ขี่ และไม่มีเต้านมให้ดูดนม”

วจนะของอิมามอะลี (อ) หมายถึงเมื่อเกิดฟิตนะฮ์ หรือความวุ่นวายในสังคม ก็จงวางตัวในสถานการณ์เช่นนั้นโดยอย่าให้ผู้ที่สร้างฟิตนะฮ์เข้ามาถึงตัวได้ และอย่าเปิดโอกาสให้เขาใช้เราเป็นสื่อหรือสะพานเพื่อไปสู่ผลประโยชน์ของเขา

โดยเฉพาะในบางสถานการณ์ ฐานะภาพของท่านอาจเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้อื่นต้องการฉกฉวยผลประโยชน์ต่างๆ จากตำแหน่งของท่าน ชื่อเสียงของท่าน หรืออำนาจใดๆ ที่ท่านมีอยู่ก็ตาม พึงทราบเอาไว้ว่า บางส่วนจากพวกเขาได้แสดงความรัก ความผูกพันธ์ต่อท่าน ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้มีความรักต่อท่านเลยแม้นิดเดียว ทว่าเขารัก และหลงใหลในตำแหน่งหน้าที่ และทรัพย์สินของท่าน

และพึงรู้เอาไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ท่านไม่มีตำแหน่งหน้าที่ และทรัพย์สินแล้ว พวกเขาก็จะลาจากท่านไปในทันที และไม่มีวันหวนกลับมาหาท่านอีก

ฉันได้ถามอิมามอะลี (อ) อีกว่า “โอ้อิมามของข้าฯ โอ้ผู้มีความยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้า โอ้ผู้เป็นประตูของนครแห่งความรู้ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ) ท่านเองก็เคยอยู่ในสถานการณ์แห่งการฟิตนะฮ์ ของฏอลฮะฮ์ และซุเบร และฟิตนะฮ์ของมุอาวียะฮ์ และพวกคอวาริจญ์ มาแล้ว ท่านพอจะบอกได้ไหมว่า แก่นแท้แห่งการฟิตนะฮ์ในทัศนะของท่านคืออะไร? และทำไมการฟิตนะฮ์จึงต้องเกิดขึ้นในหมู่ประชาชน?”

อิมามอะลี (อ) ได้ตอบว่า “รากฐานและจุดเริ่มแห่งการฟิตนะฮ์ (ความโกลาหลในสังคมที่เกิดจากความขัดแย้ง) ต่างๆ เกิดจากการคล้อยตามกิเลศตัณหา และการกำหนดบทบัญญัติต่างๆ ที่ขัดแย้งกับศาสนา ซึ่งมันขัดแย้งกับพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานโดยตรง

กลุ่มหนึ่งได้สิทธิการปกครอง ได้ครอบครองตำแหน่ง เหนืออีกกลุ่มหนึ่งโดยการกระทำที่ขัดกับหลักการศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าอย่างชัดแจ้ง พวกเขาไม่แยกแยะสัจธรรมและความหลงผิด พวกเขากำลังนำพาประชาชนไปสู่ความพินาศ และความหลงผิด

และเมื่อพวกเขาไม่แยกแยะระหว่างสัจธรรม และความหลงผิดออกจากกัน สัจธรรมก็จะถูกปกปิดสำหรับบุคคลทั่วไป ด้วยเหตุนี้เองทุกๆ กลุ่มจะอ้างว่าตัวเองนั้นคือผู้ที่อยู่บนสัจธรรม และผู้อื่นคือผู้ที่อยู่ในความหลงผิด

และในที่สุดความไม่สงบ การรบราฆ่าฟันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ตำแหน่งทางการเมือง และทรัพย์สินเงินทอง ก็จะเกิดขึ้นในที่สุด และเลือดก็ต้องหลั่งลงบนหน้าแผ่นดิน บ้านเรือนต่างๆ จะถูกทำลาย การใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขจะเกิดความระส่ำระสาย และมุ่งสู่ความเสียหาย ถึงลูกถึงหลาน ทั้งหมดทั้งสิ้นเหล่านี้ล้วนเกิดมาจาก การคล้อยตามกิเลศตัณหาราคะแห่งตน และการเหยียบย่ำสัจธรรมนั่นเอง

ฉันจึงได้ถามท่านอิมามอะลี (อ) ต่อว่า “แล้วผู้ใดกันที่เขาจะได้รับการสูญเสียมากที่สุดจากการฟิตนะฮ์?”

อิมามอะลี (อ) ได้ตอบแก่ฉันว่า “บุคคลซึ่งเขาได้ส่งเสริมเปลวไฟแห่งการฟิตนะฮ์ และเขาเองจะถูกเผาด้วยเปลวไฟแห่งการฟิตนะฮ์เร็วกว่าผู้อื่น และตัวของเขาคือไม้ฟืนที่คอยสุมเปลวไฟแห่งการฟิตนะฮ์นั้น”

ฉันได้ถามแก่อิมามอะลี (อ) ต่อว่า “โอ้ผู้นำของฉัน บรรดาผู้ศรัทธาที่แท้จริงเขาจะได้รับความสูญเสียจากการฟิตนะฮ์หรือไม่?”

อิมามอะลี (อ) ได้ตอบแก่ฉันทันทีว่า “ขอสาบานด้วยชีวิตของฉัน ผู้ศรัทธาคือผู้ถูกกดขี่และผู้ถูกโดษเดี่ยว ผู้ศรัทธาจะถูกเผาในการฟิตนะฮ์ต่างๆ แต่ทว่าผู้ที่มิใช่มุสลิมเขาจะรอดพ้นจากการฟิตนะฮ์ เนื่องจากว่าพวกเขาเปลื่ยนสีง่าย พวกเขาจะกลายเป็นสีเดียวกับการฟิตนะฮ์อยู่ร่ำไป”

แปลและเรียบเรียงโดย เชคมาลีกี ภักดี