11 ซุลเกาะอฺดะฮ์ ประสูติอิมามอะลี ริฎอ(อ.)

164

เมื่อวันที่ 11 ซุลเกาะอฺดะฮ์ ปี ฮ.ศ.148 ทารกน้อยผู้บริสุทธิ์ได้ถือกำเนิดขึ้นในบ้านของอิมามมูซา กาซิม อิบนฺญะอฺฟัร(อ.) ผู้ซึ่งจะมารับสืบทอดตำแหน่งอิมามแห่งอิสลามภายหลังจากบิดาของท่าน เขาถูกตั้งชื่อว่า “อะลี” และมีฉายานามว่า “ริฎอ” มารดาผู้ทรงเกียรติและประเสริฐของท่านคือท่านหญิงนัจมียะฮ์ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสตรีที่มีชื่อเสียงและมีความโดดเด่นในด้านวิทยปัญญาและความศรัทธา

นับตั้งแต่วัยเยาว์ อิมามอะลี ริฎอ(อ.) ติดตามใกล้ชิดอยู่กับอิมามมูซา กาซิม(อ.) ผู้เป็นบิดาของท่านอยู่เสมอ ซึ่งอิมามมูซา(อ.) จะบอกกับมิตรสหายของท่านเสมอว่า “เขาคืออิมามภายหลังจากท่าน”

เช่นท่านมัคซูมี ได้กล่าวว่า วันหนึ่ง อิมามมูซา อิบนฺ ญะอ์ฟัร(อ.) ได้เรียกพวกเรามาร่วมกัน และกล่าวว่า “ฉันเชิญพวกท่านมาเพื่อเป็นพยานว่า ลูกของฉันคนนี้คือผู้จัดการพินัยกรรม และผู้สืบทอดตำแหน่งของฉัน”

คุณลักษณะของอิมามอะลี ริฎอ(อ.)

บรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ คือผู้ได้รับเลือกจากอัลลอฮ์ และเป็นผู้ที่มีความโดดเด่น ไม่เหมือนใคร และมีความสูงส่งกว่าคนทั้งหลาย ท่านเหล่านี้จะเป็นแบบอย่างในทางปฏิบัติแก่ประชาชนในระหว่างที่พวกท่านมีชีวิต พวกท่านได้สอนบทเรียนชีวิตแก่ประชาชน พวกท่านจะไม่ตัดขาดและแยกตัวออกจากพวกเขา และไม่ได้ปกครองพวกเขาในลักษณะที่บรรดาทรราชย์และผู้กดขี่ปกครอง พวกท่านไม่เคยมองข้าม หรือแสดงความไม่ใส่ใจ หรือไม่ให้ความเคารพต่อผู้ใด

ท่านเชคศอดดูก รายงานจากคำพูดของอิรอฮีม บิน อับบาส ว่า “ฉันไม่เคยเห็นอิมามริฎอ(อ.) กระทำเกินเลยกับใครในด้านการพูดคุย และไม่เคยขัดจังหวะคำพูดของใครก่อนที่เขาจะพูดจบ ท่านไม่เคยเหยียดขาออกไปต่อหน้าคนอื่นๆ เมื่อถึงเวลาอาหารจัดวางบนโต๊ะ ท่านจะเชิญคนรับใช้ของท่านมาที่โต๊ะและรับประทานอาหารร่วมกับพวกเขา หลังจากพักผ่อนในยามกลางคืนแล้วท่านจะลุกขึ้นมาสาละวนกับการนมาซ เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของท่าน ท่านจะนำอาหารไปยังบ้านของคนที่ทุกข์ยากในเวลากลางดึก”

มุฮัมมัด บิน อะบีอีบาด กล่าวถึงอิมามอะลี ริฎอ(อ.) ว่า “ท่านใช้เสื่อจากใบอินทผลัม ฟาง และกกในฤดูร้อน และใช้พรมขนแกะในฤดูหนาว”

“ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายในบ้านของท่าน แต่เมื่อท่านออกไปข้างนอก ท่านจะแต่งตัวและสวมเสื้อผ้าใหม่ที่สะอาด ท่านให้ความเคารพและให้เกียรติแก่แขกของท่านจนถึงขนาดว่า คืนหนึ่งดวงไฟในบ้านของท่านเสีย แขกของท่านลุกขึ้นเพื่อช่วยซ่อม แต่อิมาม(อ.) บอกให้เขานั่งลงและตัวท่านเป็นผู้ซ่อมดวงไฟเอง และกล่าวว่า “เราไม่ใช้ให้แขกของเขาทำงาน”

ยาซิร คนรับใช้ของอิมามอะลี ริฎอ(อ.) กล่าวว่า “ท่านอิมาม(อ.) บอกกับเราว่า ‘เวลาที่พวกเธอรับประทานอาหารกันอยู่ ถ้าฉันเรียก พวกเธอไม่ต้องลุกขึ้นจนกว่าจะรับประทานเสร็จ'”

เพื่อนอีกคนหนึ่งของอิมาม(อ.) กล่าวว่า “วันหนึ่ง มีชายแปลกหน้ามาที่บ้านของอิมาม(อ.) และกล่าวว่า ‘ฉันเป็นเพื่อนของหนึ่งของท่าน และฉันไม่ใช่คนยากจน แต่เงินของฉันหมดแล้ว และฉันไม่มีค่าเดินทางกลับบ้าน โปรดให้เงินฉันจำนวนหนึ่ง และเมื่อฉันกลับไปถึงเมืองของฉัน ฉันจะบริจาคเงินจำนวนนี้ออกไปแทนท่าน’ ท่านอิมาม(อ.) ได้ลุกขึ้นเข้าไปอีกห้องหนึ่ง นำเงินจำนวนสองร้อยดิรฮัมมามอบให้แก่เขาจะด้านในประตู และกล่าวว่า ‘จงรับเงินนี้ไป และไม่จำเป็นต้องบริจาคมันเป็นทานแทนฉันหรอก’

พวกเขาได้ถามท่านอิมาม(อ.) ว่า “ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้ ที่ไม่ให้เขาเห็นท่าน”

ท่านกล่าวว่า “เขาจะได้ไม่เห็นฉันมองเขา และไม่รู้สึกละอายใจ(อับอาย)”

สุลัยมาน สหายคนหนึ่งของอิมาม(อ.) กล่าวว่า “ฉันเคยไปที่บ้านหลังหนึ่งกับท่านอิมาม(อ.) คนงานกำลังทำงานกันอยู่ ในจำนวนนั้นมีคนแปลกหน้าอยู่คนหนึ่งซึ่งอิมาม(อ.) ไม่รู้จัก ท่านถามว่า ‘ชายผู้นี้เป็นใคร?’ พวกเขาตอบว่า เราพาเขามาจากข้างนอก เพื่อช่วยงานเรา ท่านกล่าวว่า ‘เจ้าได้ทำสัญญาและบอกค่าจ้างที่แน่นอนแก่เขาหรือยัง?’ พวกเขาตอบว่า ‘ยัง เขาเป็นคนดี เราจ่ายให้เขาเท่าไหร่ เขาก็รับมันและไม่ได้พูดอะไรสักคำ’

ท่านอิมาม(อ.) โกรธมาก และกล่าวว่า ‘ฉันบอกพวกท่านเสมอว่า เมื่อจ้างใครสักคนให้ทำงาน ประการแรกจะต้องกำหนดค่าจ้างของเขา เพราะเมื่อค่าจ้างของเขาถูกกำหนดให้แล้ว และท่านให้เขามากกว่านั้น เขาจะดีใจ แต่ถ้าท่านไม่ได้กำหนดค่าจ้างและให้เงินเขามากถึงสามเท่า เขาก็จะคิดอยู่ว่าท่านไม่ได้ให้เงินเขาตามค่าจ้างที่ถูกต้อง”

คำสอนของอิมามอะลี ริฎอ(อ.)

– ผู้ที่รับความเจ็บปวดและความยากลำบากเพื่อตัวเองและลูกหลานของเขา เปรียบเสมือนผู้ที่ต่อสู้ในหนทางของศาสนา(ญิฮาด)

– เมื่อใดที่เรียกชื่อของผู้อื่น จงเรียกมันด้วยความเคารพ

– จงรักษาตัวเองให้สะอาด เพราะความสะอาดเป็นแบบอย่างของท่านศาสดา

– คนที่เลวที่สุดคือคนที่การมีอยู่ของเขาไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นเลย

– ผู้ที่กระทำการทุจริตต่อมุสลิมไม่ใช่พวกของเรา

Source : www.ezsoftech.com