วันที่ 19 รอมฎอน ปี ฮ.ศ.40 อิมามอะลี(อ.) มาที่มัสญิดในเมืองกูฟะฮ์เพื่อทำนมาซศุบฮ์ ท่านอะซานเชิญชวนให้มุสลิมมาทำนมาซ และทำหน้าที่นำการนมาซเป็นหมู่คณะ อับดุลเราะห์มาน อิบนฺ มุลญิม แสร้งยืนนมาซอยู่ด้านหลังของอิมามอะลี(อ.) และเมื่ออิมามอะลี(อ.) อยู่ในท่าสุญูด(กราบ) อับดุลเราะห์มาน อิบนุ มุลญิมก็ได้ฟันศีรษะของท่านด้วยดาบของเขาอย่างแรง ทำให้อิมามอะลี(อ.) ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ท่านศาสดา(ศ.) ได้ทำนายถึงการลอบสังหารอิมามอะลี(อ.) ไว้แล้ว โดยอิมามอะลี(อ.) ได้เล่าว่า ท่านศาสดา(ศ.) กล่าวว่า “โอ้อะลี ฉันเห็นด้วยสายตาของฉันว่าเคราของเจ้าเปียกชุ่มด้วยเลือดจากหน้าผากของเจ้า”
พวกเขาทำการลอบสังหารอิมามอะลี(อ.) ในช่วงเวลาที่ประเสริฐที่สุด คือช่วงเวลาที่ท่านอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของอัลลอฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ ระหว่างการนมาซและในขณะสุญูด ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวันคือรุ่งอรุณ ในขณะที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ระหว่างการทำหน้าที่อันประเสริฐสุดของอิสลาม ขณะที่ท่านพร้อมที่จะต่อสู้(ญิฮาด) และในสถานที่อันสะอาดบริสุทธิ์และสูงส่งที่สุด คือมันญิดกูฟะฮ์
ขอความสันติสุขจงประสบแด่ท่าน โอ้นายแห่งศรัทธาชน อะมีรุล มุอ์มินีน อะลี บิน อบีฏอลิบ(อ.) และขอความจำเริญจงมีแด่ท่านในชีวิตหลังความตาย
อาชญากรรมแห่งการลอบสังหารอิมามอะลี(อ.) ยังคงเป็นอาชญากรรมที่โหดร้าย ทารุณ และน่าสยดสยองที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะมันไม่ใช่เป็นการกระทำต่อคนคนหนึ่งเท่านั้น แต่มันเป็นการกระทำต่อความเป็นผู้นำประชาชาติอิสลามทั้งหมด ด้วยการลอบสังหารอิมามอะลี(อ.) เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือการสังหารสาส์นแห่งศาสดา, ประวัติศาสตร์, วัฒนธรรม และประชาชาติมุสลิมที่ฝังอยู่ในตัวตนของอิมามอะลี บิน อะบีฏอลิบ(อ.) ด้วยการทำเช่นนั้น ประชาชาติอิสลามได้สูญเสียการชี้นำในการก้าวหน้า และเสียโอกาสที่วิเศษสุดในชีวิตไปภายหลังจากท่านศาสดา(ศ.)
อิมามอะลี(อ.) ทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลของท่านอยูสามวัน และท่านจากไปในวันที่ 21 เดือนรอมฎอน เมื่อมีอายุได้ 63 ปี
ในระหว่างสามวันนี้ อิมามอะลี(อ.) ได้มอบหมายให้บุตรชายของท่าน อิมามฮะซัน(อ.) ดำรงตำแหน่งอิมามผู้ชี้นำประชาชาติในด้านความคิดและสังคม และตลอดสามวันนี้ ท่านไม่เคยละเว้นจากการรำลึกถึงอัลลอฮ์ สรรเสริญพระองค์ และยอมรับยอมจำนนต่อพระบัญชาของพระองค์ เช่นเดียวกับช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดในชีวิตของท่าน
เช่นเดียวกันนี้ ท่านยังได้ให้คำแนะนำและคำตักเตือนเพื่อไปสู่สิ่งที่ดี และชี้หนทางที่ถูกต้อง อธิบายวิถีแห่งทางนำ อธิบายหลักการศาสนา เรียกร้องให้เชื่อฟังต่อคำบัญชาของอัลลอฮ์ และเตือนไม่ให้คล้อยตามผู้ที่มีความปรารถนาชั่วร้ายที่ต้องการขัดขวางไม่ให้เผยแพร่คำสอนของอัลลอฮ์
คำตักเตือนของอิมามอะลี(อ.) ที่มีแก่อิมามฮะซัน(อ.) และอิมามฮุเซน(อ.) รวมถึงประชาชาติมุสลิมของท่าน และประชาชาติมุสลิมรุ่นต่อๆ ไป
“ฉันขอเตือนให้เจ้ายำเกรงต่ออัลลอฮ์ และอย่าวิ่งตาม(ความพึงพอใจของ)โลกนี้ ถึงแม้มันจะไล่ตามเจ้าอยู่ อย่าเสียใจกับสิ่งใดที่เจ้าถูกห้ามไว้ จงพูดความจริงและปฏิบัติเพื่อการตอบแทน(จากอัลลอฮ์) จงเป็นศัตรูกับผู้กดขี่ และเป็นผู้ช่วยเหลือผู้ถูกกดขี่”
“ฉันขอตักเตือนเจ้า โอ้ลูกๆ ของฉัน ครอบครัวของฉัน และบรรดาผู้ที่อาจจะได้รับข่าวสาส์นของฉัน ขอให้พวกเจ้าจงเกรงกลัวต่ออัลลอฮ์ ให้เตรียมกิจการของเจ้าให้ดี ให้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีในหมู่พวกเจ้า เพราะฉันเคยได้ยินท่านตาของเจ้า(ศ.) กล่าวว่า : ความสัมพันธ์ที่ดีนั้นดีกว่าการนมาซและการถือศีลอด”
“(จงเกรงกลัว)อัลลอฮ์เมื่อดำเนินการเกี่ยวกับเด็กกำพร้า อย่าปล่อยให้พวกเขาอดอยาก และอย่าให้พวกเขาสูญเสียตราบเท่าที่เจ้ายังอยู่”
“(จงเกรงกลัว)อัลลอฮ์ ในเรื่องเพื่อนบ้าน เพราะพวกเขาเป็นสิ่งที่ศาสดา(ศ.)ของเจ้าได้มอบหมายไว้ ท่านสั่งให้เราเอาใจใส่พวกเขาอยู่เสมอ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ดูเหมือนท่านจะทำให้พวกเขาเป็นทายาทของท่าน(จากมรดกของเรา)”
“(จงเกรงกลัว)อัลลอฮ์ ในเรื่องคัมภีร์อัล-กุรอาน (จงจำไว้ว่า) ไม่มีใครปฏิบัติตามทฤษฎีคำสอนของมันได้ดีเลิศไปกว่าเจ้า”
“(จงเกรงกลัว)อัลลอฮ์ ในเรื่องการนมาซ เพราะมันเป็นเสาหลักของศาสนา”
“(จงเกรงกลัว)อัลลลอฮ์ ในเรื่องพระผู้อภิบาลแห่งบ้านหลังนั้น(กะอ์บะฮ์) จงอย่าละทิ้งมันตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะถ้าทำเช่นนั้น เจ้าจะไม่ถูกมองด้วยความเคารพ”
“(จงเกรงกลัว)อัลลอฮ์ ในเรื่องการญิฮาด จงต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์ด้วยทรัพย์สินของเจ้า ชีวิตของเจ้า และลิ้นของเจ้า”
“จงประสานร่วมกันทั้งสองฝ่าย ในการให้และการรับ จงระวังในการเบือนหน้าของเจ้า หรือ การตัดขาดจากการและกัน จงอย่าละทิ้งการสั่งสอนให้กระทำความดีและห้ามปรามความชั่ว มิฉะนั้นคนชั่วร้ายอาจเอาชนะเจ้าได้ และเมื่อนั้น การร้องขอของเจ้าก็จะไม่ถูกตอบรับ(จากอัลลอฮ์)”
หลังจากนั้น ท่านกล่าวว่า “โอ้ ลูกหลานของอับดุลมุฏฏอลิบ แท้จริง ฉันไม่ต้องการให้พวกเจ้าละเลงเลือดของมุสลิมด้วยการร้องว่า : นายแห่งศรัทธาชนถูกสังหารแล้ว จงอย่าสังหารใครสักคนเพื่อฉันนอกจากคนที่ฆ่าฉัน”
“จงรอจนกระทั่งฉันตายด้วยการฟันครั้งนี้ของเขา(อับดุลเราะฮ์มาน อิบนุ มุลญิม) แล้วจงฟันเขาเพียงครั้งเดียว และอย่าทำร้ายร่างกายของเขา เพราะฉันเคยได้ยินท่านศาสดา(ศ.) กล่าวว่า : จงหลีกเลี่ยงการทำร้ายร่างกายแม้แต่กับสุนัขบ้า”
นี่คือวาระสุดท้ายอย่างวีรบุรุษของมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เป็นการสูญเสียของภารกิจและประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังจากการสูญเสียท่านศาสดา(ศ.)
ขอความสันติจงมีแด่นายแห่งศรัทธาชน ในวันที่ท่านถือกำเนิด, ในวันที่ท่านถูกสังหารบนที่บูชาของท่าน และในวันที่ท่านจะถูกให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮ์ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
Source : www.ezsoftech.com