รำลึกอิมามมูซา อัล-กาซิม(อ.)

170

วันที่ 25 รอญับ ปีฮิจเราะห์ที่ 183 เมื่อข่าวการเป็นชะฮีด(พลีชีพในหนทางของศาสนา) ของอิมามมูซา อัล-กาซิม(อ.) ได้แพร่สะพัดไปในแบกแดด ชายชราผู้หนึ่งเริ่มร้องไห้ไม่หยุด เมื่อมีผู้ถามถึงเหตุผลที่เขาร้องไห้มากมายเช่นนี้ เขาได้เล่าถึงวันที่ท้องไร่ของเขาเกิดเพลี้ยระบาดจนทำให้พืชผลของเขาเสียหายจนหมดสิ้น

เขากล่าวว่า “ฉันไม่เคยยื่นมือขอความช่วยเหลือจากใคร แต่เพราะหนี้สิน ฉันไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมา ในภาวะเช่นนี้เองที่ฉันเห็นอิมามกาซิม(อ.) เข้ามาหาฉันและถามว่า ฉันขาดทุนไปเท่าไหร่จากการที่พืชผลเสียหายครั้งนี้? ฉันตอบว่า 120 ดินารฺ ท่านอิมามยิ้มแล้วมอบถุงเงินจำนวน 150 ดินารฺ ให้แก่ฉัน ท่านดูมีเมตตาและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่มีท่าทีหยิ่งทะนงหรือถือตัวเลย ฉันประทับใจในตัวท่านมาก ฉันบีบมือที่เมตตาของท่านด้วยความขอบคุณ ถึงแม้ว่าฉันจะละอายใจ แต่ฉันก็รับความช่วยเหลือจากท่าน และอิมามสอนฉันว่า อย่าสิ้นหวังในความเมตตาของอัลลอฮฺ และที่ฉันกำลังร้องไห้อยู่นี้ก็เพราะบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ได้จากพวกเราไปแล้ว บุรุษผู้ถ่อมตนและเมตตาและเอาใจใส่ต่อคนยาก”

แม้จะผ่านไปหนึ่งพันกับสองร้อยกว่าปีแล้วนับตั้งแต่อิมามมูซา อัล-กาซิม(อ.) ได้จากไป แต่ตำนานของท่านยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ท่านมีชีวิตอยู่ตรงจุดเชื่อมต่อสำคัญทางประวัติศาสตร์ ช่วงเวลาการดำรงตำแหน่งอิมามของท่านคือ 35 ปี และฉายานาม อัล-กาซิม ของท่านนั้นหมายถึง ผู้ควบคุมความโกรธและอารมณ์ความรู้สึก เนื่องจากท่านเป็นเป้าของการปฏิบัติที่หยาบช้าและถูกจำคุกหลายครั้งโดยผู้ปกครองทรราชย์วงศ์อับบาสิด

แต่แม้จะตกอยู่ในสภาวะยากลำบากถึงเพียงนั้น แต่ท่านก็ได้ชี้นำประชาชนและแสดงให้พวกเขาเห็นถึงแนวทางอันบริสุทธิ์ดั้งเดิมของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ.) ประชาชาติอิสลามได้สำนึกผ่านจากชีวิตอันเรียบง่ายและบุคลิกลักษณะอันโดดเด่นของท่าน ว่าท่านคือประตูสู่ทางนำ เมื่อเปรียบเทียบกับแนวทางที่ผิดพลาดของกาหลิบวงศ์อับบาสิดผู้ถลุงเงินกองคลังและประกอบอาชญากรรมทุกอย่างต่อบรรดามุสลิม

แต่ถึงแม้จะมีข้อจำกัดมากมายต่อตัวท่าน แต่อิมามท่านที่ 7 ก็มิได้ละความพยายามเพื่อเพิ่มความตระหนักของประชาชน และยกสถานะทางปัญญาของพวกเขา แน่นอน ท่านคือบุตรชายและทายาทของอิมามญะอ์ฟัร ศอดิก(อ.) ผู้ก่อตั้งสถานศึกษาอันโด่งดังแห่งมะดีนะห์ ที่สร้างนักวิชาการ 4,000 คน รวมทั้ง ญาบิร หรือเจเบอร์ อิบนฺ ฮัยยาน บิดาแห่งวิชาเคมี

เริ่มต้นด้วยการลอบสังหารบิดาของท่าน กาหลิบแห่งวงศ์อับบาสิด ได้พยายามหลายครั้งที่จะตั้งข้อหาเพื่อลงโทษทรมานอิมามมูซา อัล-กาซิม(อ.) แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากไหวพริบสติปัญญาของท่าน ทรราชย์ฮารูน รอชีด คือกาหลิบที่ร้ายที่สุดในวงศ์อับบาสิด เขาหวาดกลัวว่าอำนาจที่เขาแอบอ้างเข้าปกครองโลกมุสลิมจะสั่นคลอน และรู้ดีว่าตราบใดที่ผู้สืบทอดอันชอบธรรมจากท่านศาสดายังมีชีวิตอยู่ ประชาชนก็จะคงตั้งคำถามต่อตำแหน่งกาหลิบของเขา

ยิ่งเขาพยายามโอ้อวดตัวเองผ่านความมึนเมาของอาหรับราตี ประชาชนก็ยิ่งรังเกียจบทบาทของเขา และพวกเขาเกิดความสงสารต่อครอบครัวของท่านศาสดา เมื่อเห็นข้อเท็จจริงเหล่านี้ เขายิ่งโกรธแค้นและตามรังควานกลั่นแกล้งอิมาม และจับกุมคุมขังท่านหลายวาระ

และในที่สุด กาหลิบฮารูน รอชีดผู้เหี้ยมโหด ก็ได้วางยาพิษใส่ในอาหารให้ท่านในคุกแบกแดด จนทำให้อิมามมูซา อัล-กาซิม(อ.) เป็นชะฮีด(พลีชีพ) ในวันที่ 25 รอญับ ฮ.ศ.183 กาหลิบฆาตกรกลัวอาชญากรรมที่เขาไว้ และให้สินบนต่อแม่ทัพกอซีเพื่อเป็นพยานว่า ไม่มีอันตรายทางร่างกายเกิดขึ้นกับอิมามมูซา อัล-กาซิม(อ.) แม้แต่น้อย ร่างของท่านถูกนำมาวางบนสะพานแห่งแบกแดดเพื่อให้ประชาชนได้พิสูจน์ว่าท่านไม่ได้ถูกทำร้ายร่างงกาย และพวกเขาพบว่า ร่างของท่านยังหอมและไม่ได้ส่งกลิ่นของศพแต่อย่างใด

kazimiya

ท่านอิมาม(อ.) ได้นอนอย่างสงบในสถานที่ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้กลายเป็นสุสานสถานที่มีโดมคู่สีทองเพื่อเป็นเทิดเกียรติท่านในเมืองกาซิไมน์ สถานที่ซึ่งไม่เพียงแต่ชาวอิรัก แต่ประชาชนจากทั่วโลกได้มาแสดงความเคารพ และขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า

นี่ไม่ใช่สัญญาณหนึ่งจากพระผู้เป็นเจ้าหรอกหรือ ที่ชื่อของอิมามมูซา อัล-กาซิม(อ.) ยังคงมีชีวิตและได้รับการจดจำรำลึก ในขณะที่ทรราชญ์ฮารูน รอชีดนั้น ไม่มีแม้แต่ป้ายหินสุสาน?

Source : www.tebyan.net