ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ อัซ-ซะฮฺรอ(อ.) ลืมตาขึ้นมาดูโลกท่ามกลางความรักจากบิดาผู้เป็นศาสดาและได้ดื่มน้ำนมจากท่านหญิงคอดีญะฮฺ ซึ่งเป็นการหลอมรวมกันอย่างล้ำเลิศของศีลธรรมและความสมบูรณ์แบบ
ด้วยการเจริญเติบโตขึ้นมาภายในบ้านที่มีการประทานโองการอัล-กุรอานลงมา ทำให้ท่านหญิงมีโอกาสบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบและคุณงามความดีในระดับที่สูงส่งยิ่ง ท่านศาสดา(ศ.) ได้สอนให้ท่านหญิงมีความรู้ในเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยสติปัญญาที่ฉลาดหลักแหลมเป็นพิเศษ ทำให้ท่านหญิงได้รู้ซึ้งถึงความหมายอันแท้จริงของความศรัทธา ความยำเกรง และสัจธรรมที่แท้จริงของอิสลาม
ด้วยการเลี้ยงดูท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ.) มาอย่างบริสุทธิ์ โดยศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ(ศ.) ผสมผสานกับความสามารถในการรับรู้สัจธรรมอันสูงส่ง และความหลักแหลมทางจิตวิญญาณและความพร้อมของท่านหญิง ทำให้ท่านขึ้นสู่ความสมบูรณ์แบบในระดับที่สูงสุด
สิ่งที่ควบคู่ไปกับพื้นฐานอันเพียบพร้อมและสูงส่งยิ่งของท่านนี้ ก็คือพระประสงค์ของอัลลอฮฺที่จะให้ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ อัซ-ซะฮฺรอ(อ.) ต้องประสบกับความทุกข์ใจหลายครั้งหลายคราว และใช้ชีวิตอยู่ในความเจ็บปวดตั้งแต่วัยเริ่มต้นของชีวิต
ท่านหญิงลืมตาขึ้นมาเพื่อจะได้เห็นว่าบิดาของท่านกำลังถูกต่อต้านจากคนแปลกหน้าและญาติมิตรของท่านเอง บรรดาคนนอกศาสนาและผู้นับถือพระเจ้าหลายองค์ปฏิบัติต่อท่านด้วยความเป็นศัตรู ยกตัวอย่างเช่น เมื่อท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ.) เข้าไปยังมัสญิดอัล-ฮะรอม และเห็นบิดาของท่านกำลังอ่านอัล-กุรอานอยู่ข้างๆ กะอฺบะฮฺ ในขณะที่พวกบูชาเจว็ดทำร้ายท่านและใช้สงครามจิตวิทยากับท่าน
วันหนึ่ง ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ.) เห็นพวกนอกศาสนาเทมูลอูฐใส่บนหลังของบิดาของท่านหญิงในขณะที่ท่านกำลังก้มสุญูด(กราบ) ต่ออัลลอฮฺ ดังนั้น ท่านหญิงทำความสะอาดหลังของท่านพลางร้องไห้ด้วยความขมขื่น ท่านหญิงสาปแช่งพวกปฏิเสธเหล่านั้นและขอดุอาให้อัลลอฮฺลงโทษพวกเขา แต่คนนอกศาสนาพวกนั้นก็ยังกระทำการเย้ยหยันอย่างเดียวกับที่ทำกับพวกคนชั้นต่ำ
สถานการณ์นั้นเพิ่มความตึงเครียดขึ้นเมื่อศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ พร้อมด้วยครอบครัวและสมาชิกในตระกูลของท่านอบูฏอลิบ ลุงของท่าน ทั้งหมด ถูกกักบริเวณอยู่ที่ เนินเขาอบูฏอลิบ ทุกคนใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นในบรรยากาศของความหวาดกลัวและเป็นทุกข์กังวลใจว่าจะถูกโจมตีจากพวกนอกศาสนาในเวลากลางคืนอยู่เสมอ
พวกเขาถึงขนาดทำสนธิสัญญาขึ้นมาระหว่างกันเพื่อใช้ล้อมกรอบตระกูลบะนีฮาชิมและใช้บทลงโทษทางเศรษฐกิจกับพวกท่าน สนธิสัญญานี้ห้ามไม่ให้ผู้ใดทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนใดๆ กับตระกูลบะนีฮาชิม แม้กระทั่งอาหาร จึงทำให้ทุกคนอยู่ในสภาพอดอยากหิวโหย เสียงร้องของเด็กๆ ที่อดอาหารดังระงมได้ยินไปถึงชาวเมืองในมักกะฮฺ ซึ่งในขณะนั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งพอใจกับการได้เห็นบะนีฮาชิมต้องประสบกับชะตากรรมเช่นนั้น และอีกกลุ่มหนึ่งรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้งในความทุกข์ยากของพวกท่าน
สถานการณ์นี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึงสามปี ท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ.) คือผู้หนึ่งที่ตกอยู่ในภาวการณ์ล้อมกรอบนี้ ซึ่งส่งผลให้จิตวิญญาณแห่งการดิ้นรนต่อสู้ ความซื่อสัตย์ และความอดทนตื่นตัวขึ้นในตัวของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ(อ.) ช่วงเวลานี้เป็นเสมือนช่วงเวลาแห่งการอบรมและฝึกฝนเพื่อชีวิตในอนาคตอันใกล้นี้
Source : www.tebyan.net